นักวิเคราะห์ชี้นักลงทุนจะเทขายหลักทรัพย์และเงินยูโรอย่างต่อเนื่อง ถ้าแนวโน้มที่นางมาครีน เลอ แปน จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
รายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินยูโรอาจจะปรับตัวอ่อนค่าลงสู่ระดับตํ่าสุดในรอบปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้านางมาครีน เลอ แปนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสจากพรรคฝ่ายขวาจัดฟรอนต์เนชั่นแนล มีคะแนนในโพลล์สำรวจความคิดเห็นก่อนการเลือกตั้งเพิ่มมากขึ้น
นักลงทุนส่วนหนึ่งมองว่า หากนางเลอ แปน ได้เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะเป็นความเสี่ยงต่อรากฐานของยูโรโซน เนื่องจากนโยบายหาเสียงที่สำคัญของผู้สมัครจากพรรคฝ่ายขวาจัดรายนี้ คือจัดทำประชามติเพื่อให้ฝรั่งเศสออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน
ทั้งนี้ จากผลโพลล่าสุดที่จัดทำโดย ดิ อีโคโนมิสต์ ในสัปดาห์นี้ แสดงให้เห็นว่า นางเลอ แปน มีคะแนนนำมาเป็นอันดับ 1 ด้วยเสียงสนับสนุน 26% เหนือคู่แข่งสำคัญอย่างนายเอ็มมานูเอล มาครอง อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และนายฟรองซัวส์ฟียง อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
"เราคิดว่าตลาดเริ่มให้ความสนใจว่าประเด็นดังกล่าวมีความสำคัญเพียงใด ผู้คนเริ่มถอนตัวออกจากตลาดหลักทรัพย์ฝรั่งเศส และเข้าไปยังตลาดที่มีเสถียรภาพมากกว่า ซึ่งในกรณีนี้คือตลาดเยอรมนี" นาอีมอัสแลม หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดจากธิงค์มาร์เก็ตส์ยูเค ให้ความเห็น
อย่างไรก็ดี ระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสกำหนดให้มีการเลือกตั้งรอบ 2 ถ้าไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนเสียงเกิน 50% ในการเลือกตั้งรอบแรก โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะต้องลงคะแนนเลือกระหว่างผู้สมัคร 2 รายที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดจากรอบแรก ซึ่งเป็นที่คาดหมายกันว่านางเลอ แปน จะพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งรอบ 2 ไม่ว่าจะคู่แข่งของเธอจะเป็นใครก็ตาม
สำหรับนางเลอ แปน การพาฝรั่งเศสถอนตัวออกจากยูโรโซนและสหภาพยุโรปถือเป็นประเด็นสำคัญในการหาเสียง โดยนอกเหนือจากเหตุผลเรื่องการทวงคืนอำนาจการปกครองแล้ว ยังมีเหตุผลทางเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่าการเปลี่ยนกลับมาใช้สกุลเงินฟรังก์อีกครั้ง จะทำให้ฝรั่งเศสลดค่าเงินของตัวเองได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออก นอกจากนี้ ฝรั่งเศสจะมีพื้นที่ในการใช้นโยบายการคลังอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎงบประมาณของยุโรป
อย่างไรก็ดี สถาบัน Institut Montaigne ประเมินว่า การถอนตัวจากยูโรโซนจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของฝรั่งเศสปรับลดลง 2.3% ในปีแรก และลดลง 9% ในระยะยาว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,239
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม พ.ศ. 2560