'คาร์แชร์ริ่ง'ปฏิวัติการเดินทางด้วยรถยนต์

27 ก.พ. 2560 | 00:00 น.
MP07-3239-B ผมทำงานกับบริษัทรถยนต์มากว่า 15 ปีแล้ว แม้ไม่อาจจะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่านาน เพราะมีอีกหลายท่านที่ทำงานในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์นานกว่าผมอีกตั้งเยอะ แต่ผมเองอาจจะโชคดีตรงที่ได้มีโอกาสเห็นความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างจากผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี เพื่อให้สมรรถนะของรถยนต์ดียิ่งๆ ขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ การคิดค้นวิธีที่จะหาพลังงานทางเลือกอื่นๆ มาขับเคลื่อนรถยนต์น้ำหนักเป็นตันๆ ให้วิ่งได้เสมือนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่เราคุ้นเคยกันอยู่ ก็ได้มีการพัฒนามาเรื่อยๆจนทุกวันนี้ รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อีกต่อไปบนท้องถนน แม้ว่าในบ้านเราอาจจะยังเพิ่งเริ่มต้น แต่ผมเชื่อว่าเรากำลังจะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงสถานีประจุพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

นอกเหนือไปจากการปฏิวัติระบบการใช้พลังงานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นความเปลี่ยนไปอย่างมีนัยที่น่าสนใจคือ การที่รถยนต์เป็นส่วนหนึ่งของการ “ร่วมกันใช้” โดยไม่จำเป็นที่เราจะต้องเป็นเจ้าของเอง หรือพูดง่ายๆก็คือว่า เราใช้รถยนต์เฉพาะในวันและเวลาที่เราต้องการ ไม่ต้องรับภาระเรื่องการผ่อนงวดเช่าซื้อ ค่าประกันรายปี ค่าจอดรถรายเดือน ค่าบำรุงรักษาอื่นๆ ฟังดูแล้วอาจจะดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่ในมุมมองของผมเอง ผมเชื่อว่าการให้บริการแบบนี้ กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นานนี้

ทำไมผมถึงคิดว่าคนเราจะเลิกอยากเป็นเจ้าของรถยนต์สวยๆ สักคัน ที่นอกเหนือจากจะเป็นพาหนะพาเราไปได้ทุกๆ ที่แล้ว ยังเป็นเสมือนเครื่องบ่งบอกถึงความสำเร็จในชีวิตไปล่ะ?

เหตุผลง่ายๆ ที่ผมคิดว่ามันมีค่าเหนือสิ่งอื่นใดคือความเป็น “อิสระ” จากภาระที่เราคุ้นเคยกันอยู่ ยกตัวอย่างเช่นความเป็น ”อิสระ”จากการที่เราต้องเสียเวลาหาที่จอดรถกันนานๆ “อิสระ”จากภาระทางการเงินที่ต้องมาจ่ายค่างวดไฟแนนซ์กันทุกๆเดือน “อิสระ”จากการขับรถคันเดิมๆทุกวัน และ “อิสระ” จากการเลือกวิธีที่เราอยากจะเดินทางในวันนั้นๆ ที่เราไม่ต้องผูกตัวเราเองไว้กับรถยนต์ส่วนตัวในทุกๆครั้ง หากแต่ทางเลือกอื่นๆที่จะนำพาเราจากจุด A ไปยังจุด B มีให้เลือกได้อีกตั้งเยอะ

ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงสนใจแนวคิดในเรื่องของ car sharing ที่เราเพียงแค่สมัครเป็นสมาชิกของผู้ให้บริการ แล้วก็จองเวลาที่ต้องการใช้รถ โดยเลือกไปรับรถในจุดที่เราสะดวกที่สุด และคืนรถในจุดใดๆก็ตามที่เราสะดวก โดยไม่ต้องมีพนักงานมาคอยเตรียมเอกสารหรือยื่นกุญแจให้เราเลย เพียงแค่เราเอาบัตรสมาชิก car sharing หรือ smart phone ของเราที่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น car sharing นั้นๆมา (สำหรับบีเอ็มดับเบิลยูนั้น การให้บริการในรูปแบบนี้อยู่ภายใต้โปรแกรมที่มีชื่อเรียกว่า DriveNow) ไปแตะที่ข้างๆ รถประตูรถคันที่เราจองไว้ก็เปิด และพร้อมให้เราสตาร์ทเครื่องขับออกไปได้ทันที

ส่วนค่าบริการในการใช้นั้น คิดเป็นนาที เท่าที่เราใช้รถยนต์คันนั้นๆ โดยที่ค่าบริการรายนาทีช่วงที่เราขับรถยนต์ กับช่วงที่เราจอดรถไว้เฉยๆ เพื่อลงไปทำธุระนั้น จะมีค่าบริการที่แตกต่างกัน

อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าหากท่านผู้อ่านคิดว่านี่เป็นเรื่องอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ผมก็ต้องขอเรียนท่านเลยว่า มันมีอยู่จริงและได้เริ่มใช้งานอย่างที่ผมได้เล่าให้ท่านผู้อ่านฟังมากว่า 5 ปีแล้วในหลายประเทศในโซนยุโรป ทั้งนี้หากเราดูสถิติการเติบโตของผู้ที่เป็นสมาชิกในระบบ car sharing เฉพาะในประเทศเยอรมนี จะเห็นได้ว่ามีจำนวนสมาชิก car sharing เพิ่มขึ้นจาก 1.85 แสนคนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 1.26 ล้านคนในปี 2016

แม้ว่าระบบ car sharing จะฟังดูเป็นเรื่องของการคมนาคมอย่างอิสระในโลกที่พื้นที่ในเมืองมีข้อจำกัดมากขึ้นทุกวัน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดที่ระบบ car sharing ยังคงเผชิญอยู่ก็มีอยู่พอสมควร ซึ่งผมขอนำมาเล่าให้ฟังในโอกาสหน้าว่าอุปสรรคต่างๆของระบบการร่วมกันใช้นี้มีอะไรบ้าง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,239
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม พ.ศ. 2560