คมศานต์ จิวากานนท์ : จากลูกจ้าง...สู่เจ้าของกิจการ

25 กุมภาพันธ์ 2560
จากการเป็นลูกจ้าง ทำงานแบบไม่มีเป้าหมาย สนุกไปวันๆ จนต้องถูกไล่ออก กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ "คมศานต์ จิวากานนท์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลักษ์ โฮเทลซัพพลาย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย หมอนแบรนด์ "ลักษ์ชัวร์รี่" เริ่มสร้างธุรกิจของตัวเองเพราะต้องการหาเงินใช้หนี้ และสร้างอาชีพที่ยั่งยืน

"คมศานต์" เริ่มสร้างธุรกิจตัวเอง ตั้งแต่การรับหมอนจากคนอื่นมาขาย ตระเวนขายตามคอมมิวนิตีมอลล์ และอาคารสำนักงานต่างๆ จนเริ่มเห็นช่องทาง และอยากสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง เขาลงทุนด้วยเงินก้อนแรเพียง 8 หมื่นบาท พร้อมกับศึกษาสภาพตลาดด้วยการไปนั่งสังเกตตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ไปดูโรงงานผลิตหมอน จนรู้ว่ามีโรงงานใหญ่ๆ อยู่ 3 แห่ง

สิ่งที่ผู้บริหารคนนี้มองเห็น คือ การสร้างความต่าง ด้วยการตอบโจทย์ความต้องการของคนซื้อหมอน ที่ชอบหมอนโรงแรม และขาดความรู้เรื่องหมอน และนำ 2 ข้อนี้ มาเป็นจุดขายให้กับแบรนด์ "ลักษ์ชัวร์รี่" ของเขา

เขาศึกษาถึงเส้นใยที่นำมาทำหมอน จนรู้ว่า เส้นใยอย่างไหน ที่โรงงานผลิตหมอนทั่วไปนำมาใช้ การเลือกเส้นใยที่นำมาใช้ น้ำหนักหมอน น้ำหนักเส้นใยควรเป็นอย่างไร จึงจะได้หมอนที่ดี นอนแล้วไม่ปวดต้นคอ และอายุการใช้งานนาน เพื่อที่จะตอบคำถามให้กับลูกค้าได้

"คมศานต์" เริ่มทำแบรนด์ตัวเอง โดยการจ้างโรงงานผลิต แล้วนำสินค้าไปวางขายตามคอมมิวนิตีมอลล์ และอาคารสำนักงาน เหมือนเดิม แต่ทำได้เพียงระยะเดียวสินค้าก็ถูกเลียนแบบ เขาจึงทุ่มทุนอีกครั้ง ด้วยการกู้เงินจากธนาคาร สร้างโรงงานของตัวเอง และนำเส้นใยที่แตกต่างและมีคุณภาพมาผลิต โดยยังยึดการทำตลาดแบบเดิม เพื่อทำให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าบ่อยๆ สร้างการจดจำในแบรนด์

เนื่องจากในช่วงเริ่มต้น ยังไม่มีงบการตลาดที่จะไปสร้างแบรนด์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ผนวกกับการทำตลาดที่แตกต่าง การันตีกับลูกค้าว่า หากหมอนมีปัญหา สามารถนำมาเปลี่ยนที่จุดขายไหนของเขาก็ได้ จึงทำให้แบรนด์ "ลักษ์ชัวร์รี่" ได้รับความนิยมจากตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบัน สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 230 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา และสามารถสร้างรายได้คืนทุนตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มขาย คือ ประมาณปี 2558

ปัจจุบัน สินค้าของเขาเริ่มออกไปทำตลาดต่างประเทศ เริ่มต้นโดยการจับมือกับตัวแทนจำหน่ายที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา และกำลังจะไปวางขายที่สนามบิน มัลดีฟ และดูไบ เร็วๆ นี้

TP30-3238-C แผนต่อไปที่ "คมศานต์" วางไว้ เขายังยึดแนวทางการสร้างตลาดผ่านงานแฟร์ใหญ่ๆ อย่างน้อยปีละ 15 ครั้ง การกระจายจุดขายไปยังคอมมิวนิตีมอลล์ และอาคารสำนักงานอีกไม่ต่ำกว่า 30 จุดต่อวัน ทั้งประเทศ รวมทั้งการวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า อาทิ เซ็นทรัล โรบินสัน เพราะแนวทางของเขา คือ การนำสินค้าไปให้ลูกค้าเห็นและสัมผัส บ่อยๆ เพื่อสร้างการจดจำ โดยไม่แข่งขันที่การลดราคา แต่เน้นการให้บริการ ที่สามารถเปลี่ยนหมอนได้ หากหมอนที่ซื้อไปมีปัญหา

"คมศานต์" บอกว่า เป้าหมายสูงสุดของเขา คือ การนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เขามีแผน 5 ปี เตรียมที่จะเปิดเอาต์เลต 4 มุมเมือง พร้อมสร้างแบรนด์ "ลักษ์ชัวร์รี่" ให้เป็นแบรนด์เครื่องนอนคุณภาพ ซึ่งเขามีแผนที่จะออกปลอกหมอนกันไรฝุ่น และการการันตีเส้นใยกันไรฝุ่น 100% ที่ผ่านการวิจัยและการรับรองจากสถาบันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศิริราช และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยตั้งเป้าว่า ประมาณพฤศจิกายน 2560 จะมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาทำตลาด

ธุรกิจของ "คมศานต์" กำลังขยายและต่อยอดไปเรื่อยๆ เขามีช่องทางรายได้ ทั้งจากโออีเอ็ม หรือการรับจ้างผลิต ซึ่งกำลังเติบโตไปได้เป็นอย่างดี ช่องทางการขายผ่านงานแฟร์และการออกบูธ รวมไปถึง การขายผ่านโปรแกรมใหญ่ๆ ให้กับโรงแรม ซึ่งกำลังได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

การก้าวสู่ความสำเร็จในวันนี้ เกิดจากความพยายาม และการมองหาจุดต่าง ศึกษาจนรู้จริงแล้วลงมือทำ เป้าหมายอดขายในปีนี้ คือ 300 ล้านบาท แม้จะไม่ใช่ยอดขายที่มหาศาล แต่สำหรับแบรนด์หมอนพรีเมียมน้องใหม่ ที่ทำตลาดมาได้เพียง 4-5 ปี ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก และเจ้าของแบรนด์คนนี้ ก็พร้อมที่จะลุยเปิดช่องทางขายใหม่ๆ ต่อไป

เขาบอกว่า เมื่อก่อนตอนเป็นลูกจ้าง...ไม่ได้สนใจอะไรเลย ทำงานก็ไม่เต็ม 100% โกหกบ้างอะไรบ้าง แต่วันนี้ เมื่อเป็นเจ้าของ ปัญหาลูกค้า ต้องแก้ให้ได้ภายในไม่เกิน 5 นาที ความรับผิดชอบมหาศาล ทำอย่างไรให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด นั่นคือ ที่มาของความสำเร็จของ "คมศานต์ จิวากานนท์"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,238 วันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2560