ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มจากตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯลด และการลดกำลังการผลิตจากโอเปกและนอกกลุ่มโอเปก

24 ก.พ. 2560 | 03:20 น.
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์  2560

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์วันที่ 17 ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้โดยระบุว่า เพิ่มขึ้นเพียง 564,000 บาร์เรล สู่ระดับ 518.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 3.5 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ปรับลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลคงคลังปรับลดมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้คือ 2.6 และ 4.9 ล้านบาร์เรลตามลำดับ

+  นอกจากนี้ผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกรายงานว่า ปริมาณกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากทั้งในกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกในเดือน ม.ค. ลดลงร้อยละ 86 จากที่ตกลงกันไว้ว่าจะปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยนักลงทุนยังคงติดตามผลข้อตกลงนี้ที่จะมีการประชุมเพื่อติดตามผลและหาข้อสรุปอีกครั้งในวันที่ 17 มี.ค.

- อย่างไรก็ดี แม้ว่าปริมาณน้ำมันดิบจากผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันโดยช่วยปรับลดกำลังการผลิตเพื่อให้ตลาดกลับสู่สมดุล ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวปริมาณน้ำมันดิบจากทางผั่งสหรัฐฯที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเห็นได้จากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯที่ปรับเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้แต่เป็นการปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่เริ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตบางส่วนในสหรัฐฯ มีความสนใจที่จะกลับเข้าเล่นในตลาด

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคยังคงทรงตัวในระดับดี แม้ว่าอุปทานยังคงล้นตลาดและราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในภูมิภาคตึงตัว เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในประเทศอินโดนีเซียปิดซ่อมบำรุงท่ามกลางอุปสงค์ที่ยังทรงตัวในระดับที่ดี

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

ปริมาณการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกคาดว่าจะปรับลดลง เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ผลิตจะทำตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต หลังนายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการกลุ่มโอเปก เผยว่าผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มจะให้ความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่สามารถลดปริมาณการผลิตได้ถึง 93% ของข้อตกลงสำหรับกลุ่มโอเปก นอกจากนี้ แหล่งข่าวของโอเปกยังเผยอีกว่า ล่าสุดผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกทั้ง 11 ประเทศให้ความร่วมมือลดกำลังลงราว 60% ของข้อตกลงแล้ว ซึ่งมากกว่าที่คาดการไว้ในช่วงแล้วว่าปรับลดกำลังลงราว 40% ของข้อตกลง

ข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตยังมีความเสี่ยงจากกำลังการผลิตของอิหร่านที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากอิหร่านเร่งผลิตน้ำมันดิบเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดหลังได้รับการยกเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยล่าสุดนาย Ali Kardor ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน (NIOC) กล่าวว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของอิหร่านจะปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในเดือนเม.ย. 60 และมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตไปสู่ระดับ 4.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในอีก 5 ปีข้างหน้า

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น หลัง EIA คาดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในเดือนมี.ค. มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นราว 0.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 8.91 ล้านบาร์เรลต่อัน เมื่อเทียบกับระดับการผลิตในเดือนก.พ. และจะขยับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 9.28 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. 60

ที่มา : บมจ.ไทยออยล์