รันนิ่งฟีเวอร์! ยอดอีเวนต์ทะลุ 500 รายการ ปลุกตลาดสินค้ากีฬา 2.5 หมื่นล้านคึกคัก มูฟฯเล็งจัดอีเวนต์ใหญ่ ทั้งประชุม-มิดไนต์มาราธอน ขณะที่ "เดอะ มอลล์" ขอเอี่ยวเปิดช็อป "เรฟ รันเนอร์" ขายอุปกรณ์วิ่งล้วนๆ
โดยนายบุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มูฟ บาย มิวส์ จำกัด ผู้จัดงานอีเวนต์นานาชาติ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ถือเป็นช่วงขาขึ้นของกีฬาวิ่งก็ว่าได้ ซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะในไทยแต่เป็นเทรนด์ระดับโลก รวมถึงเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยหลายประเทศใช้เป็นกีฬาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศทั้งจากการแข่งขัน การท่องเที่ยว ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ ปัจจัยที่ทำให้กีฬาแห่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง จักรยาน ไตรกีฬา ฯลฯ มีการเติบโตอย่างรุนแรงเกิดจาก กระแสนิยมในการออกกำลังกาย , ค่าใช้จ่ายต่ำ 3. ทุกกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าร่วมได้ทั้งเด็ก วัยรุ่น คนทำงาน ผู้สูงวัย เป็นต้น แตกต่างกับกีฬาชนิดอื่น เช่น กอล์ฟ ที่มีค่าใช้จ่ายแพง หรือ ฟุตบอล ที่ผู้ชมจะเป็นเพียงกองเชียร์ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเล่นหรือแข่งขัน
"ตัวอย่างของกีฬาที่คนไทยและทั่วโลกรู้จัก เช่น บอสตัน มาราธอน , โตเกียว มาราธอน, ฮอนโนลูลู มาราธอน ฯลฯ ถือเป็นอีเวนต์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีนักวิ่งนับหมื่น นับแสนเข้าร่วมดึงดูดคน และสร้างเม็ดเงินได้มหาศาลทั้งจากการจัดงาน และอื่นๆ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ในการแข่งขัน"
อย่างไรก็ดี เพื่อรองรับกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้บริษัทมีแผนจัดงานใหญ่ ภายใต้ "Road Map 2017" ได้แก่ งาน Mass Participation Asia 2017 (MPA 2017) งานประชุมกีฬาแห่งมวลชนระดับเอเชีย ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้การจัดกิจกรรมกีฬาวิ่ง ว่ายน้ำ จักรยาน และไตรกีฬา ฯลฯ จากกูรูวิทยาพิเศษระดับโลก อาทิ David Hansen ผู้อำนวยการการจัดงานอีเวนต์กว่า 500 รายการ อาทิ 2000 Sydney Olympic Games Triathlon , ITU Triathlon World Cups , Neil Stewart Head of Agency APAC @FACEBOOK , Josh Black CEO,APAC @GroupM Content เป็นต้น ในระหว่างวันที่ 3-4 เมษายนนี้
งาน Bangkok Midnight Marathon 2017 presented by Sponsor การจัดวิ่งฟูลมาราธอนกลางคืนนานาชาติ ซึ่งใช้งบลงทุนกว่า 30 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 1 หมื่นคน และจะถูกบรรจุเป็นหนึ่งในปฏิทินสปอร์ตทัวริซึม โดยการแข่งขันจะมีขึ้นในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ณ บริเวณสะพานพระราม 8 นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรม Running Expo Day ขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 พฤษภาคม 2560 ณ บริเวณแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีมักกะสัน บนพื้นที่กว่า 1 หมื่นตารางเมตร โดยมีบูธต่างๆ ร่วมออกงานกว่า 100 บูธ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน 1.5 -1.8 หมื่นคน โดยทั้ง 2 กิจกรรมคาดว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 180 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจัดงาน The Kop Run Asia Tour 2017 ซึ่งร่วมกับสโมสรลิเวอร์พูลจัดขึ้น ในกลางเดือนมิถุนายนนี้ , Electric Run งานวิ่งมาราธอนระยะสั้นเชิง สร้างสรรค์ ลิขสิทธิ์ดังจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่โด่งดังไปทั่วโลกในเดือนมิถุนายน ณ ชายหาดบางแสน จังหวัด ชลบุรี , Ratchaburi Marathon 2017 การแข่งขันวิ่งมาราธอนบนเมืองแห่งศิลปะริมแม่กลอง , เทศกาลรวมพลคนปั่นนานาชาติ Spinman ตามเส้นทางท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรี พร้อมจัดให้มีรูปแบบ Expo ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ณ จังหวัดราชบุรี , Phuket International Marathon and Running Festival 2017 การแข่งขันวิ่งมาราธอนนานาชาติ เป็นต้น
"กระแสฟีเวอร์ที่เกิดขึ้น เห็นชัดเจนจากตลาดรองเท้ากีฬาวิ่ง ที่พบว่าในปี 2557 มีมูลค่าตลาดรวมราว 2,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 2,800-3,000 ล้านบาทในปี 2558 หรือมีการเติบโตกว่า 30% นอกจากนี้ยังพบว่าแบรนด์กีฬาชั้นนำต่างเข้ามาเปิดให้บริการ รวมทั้งแตกไลน์สินค้า ขยายช็อป พัฒนาคอลเลกชันใหม่สำหรับกีฬาวิ่ง ออกจำหน่ายจำนวนมาก ส่งผลให้ตลาดชุดกีฬา แอกเซสซอรี ฯลฯ คึกคักตามไปด้วย"
ด้านนายมาร์ค เบนเน็ต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟิร์น โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายชุดกีฬาและอุปกรณ์แบรนด์แคนเทอร์เบอรี่ (Canterbury) กล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้มองเห็นเป็นโอกาสทางการตลาด บริษัทจึงเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นประเทศที่ 6 ในเอเชีย จากก่อนหน้านี้ที่เข้าไปลงทุนแล้วในประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี สิงคโปร์ และมาเลเซีย
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในระยะ 3 ปีแรก ได้เตรียมขยายสาขาในรูปแบบร้านสแตนด์อะโลนไปในหัวเมืองต่างจังหวัด อาทิ หัวหิน เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยใช้งบประมาณการลงทุนสาขาละ 1.5 ล้านบาท ส่วนในปีแรกได้เปิดร้านแฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกในย่านพญาไท เพื่อจำหน่ายสินค้าชุดกีฬาและอุปกรณ์ ทั้งกีฬาลักบี้และชุดออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังได้เปิดสาขาในรูปแบบป๊อปอัพสโตร์ที่เอ็มควอเทียร์ สยามพารากอน และเมกะ บางนา
"บริษัทได้นำเข้าสินค้ากลุ่มออกกำลังกายและกีฬาทั่วไปเข้ามาจัดจำหน่ายด้วย ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ 100% ส่วนการทำตลาดจะใช้ผู้มีชื่อเสียงเข้าช่วยในการสร้างแบรนด์ โดยบริษัทเตรียมงบประมาณไว้ 15% ของยอดขาย ซึ่งปีแรกคาดว่าจะทำยอดขายได้ 15 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,238 วันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2560