จิโรจ ณ นคร หัวใจของการทำงาน คือ ความซื่อสัตย์ อดทน

24 กุมภาพันธ์ 2560
ลูกหม้อที่สร้างผลงานจนเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ จนถูกเลือกให้ขึ้นมาทำหน้าที่ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรข้ามชาติอีกคนหนึ่งที่น่าสนใจ คือ "จิโรจ ณ นคร" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ทดสอบ และรับรองระบบ

ธุรกิจของเอสจีเอส อาจไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะเป็นธุรกิจแบบ B2B เพราะฉะนั้น คนทั่วไปจึงไม่ค่อยคุ้นเคย ขณะที่เอสจีเอสอยู่ในเมืองไทยมากว่า 67 ปี ด้วยการทำหน้าที่เป้นคนกลาง ตรวจสอบผลผลิตทางการเกษตร มีห้องปฏิบัติการทางเคมี มีการนำตัวอย่างมาวิเคราะห์ ตรวจสบว่าคุณภาพของสินค้านั้นๆ มีคุณภาพหรือไม่ "จิโรจ" บอกว่า การเข้ามารับหน้าที่กรรมการผู้จัดการที่เป็นคนไทยคนแรกของเอสจีเอส ภาระหน้าที่ของเขา นอกเหนือจากบริหารองค์กรแล้ว ยังต้องขยายงานออกไปเรื่อยๆ

ในแง่ของการขยายงาน จากที่เอสจีเอสขยายงานจากสินค้าเกษตร ไปสู่การตรวจสอบผลิตภัณฑ์แร่ ปิโตรเลียม และเคมี อุตสาหกรรม และตามมาด้วย คอนซูเมอร์โปรดักต์ผลิตภัณฑ์อาหาร รวมไปถึงการ รับรองระบบ (Certification) ทั้ง ISO 9000 ISO10004 ISO20007 หลังจากนั้น ยังขยายบริการ ไปที่การบริการตรวจวัดสิ่งแวดล้อม และการเทรนนิ่งบุคลากร

"ผมเริ่มเข้ามาทำงานที่เอสจีเอส เมื่อ 27 ปีที่แล้ว เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตรวจสอบผลิตภัณฑ์แร่ แล้วก็ขยายงานไปด้านสิ่งแวดล้อม การตรวจอุตสาหกรรม การตรวจรอยเชื่อม ตรวจเครน และอุตสาหกรรมยานยนต์ ดูแล 4 ธุรกิจ และเมื่อขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการ ก็ทำงานเพิ่ม เราคิดว่าการขยายงานในประเทศไทยทำมาได้ระดับหนึ่งแล้ว ก็ขยายไปที่กัมพูชา ทางด้านการตรวจสอบสินค้าคอนซูเมอร์ ด้านเสื้อผ้า และเกษตรกรรม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และมาต่อยอดที่ลาว ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และการค้าไฟฟ้า โดยการตรวจสอบจะเน้นการตรวจสอบเรื่องสิ่งแวดล้อมในกิจการไฟฟ้า และนำตัวอย่างดินจากเหมืองแร่มาวิเคราะห์

TP29-3238-B การขยายงานในลาวและกัมพูชา จนประสบความสำเร็จ ทำให้บริษัทแม่เล็งเห็นศักยภาพของไทย จึงให้ไทยขยายการดูแลรักผิดชอบ ไปที่เมียนมา เมื่อประมาณกลางปี 2559 ซึ่งให้บริการด้านการตรวจสินค้าเกษตร ข้าว ถั่ว เป็นหลัก ซึ่ง "จิโรจ" เตรียมขยายงานต่อไปสู่งานบริการด้านอื่นๆ อาทิ คอนซูเมอร์โปรดักต์เทสติ้ง

"จิโรจ" บอกว่า การแข่งในธุรกิจนี้ สิ่งสำคัญ คือ ความเชื่อใจ เขาสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้า ด้วยหลักการของความซื่อสัตย์ ในฐานะที่เป็นบริษัทคนกลาง ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน จะต้องมีความซื่อสัตย์ มีความตรงไปตรงมา รวมไปถึงพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ ต้องมีความซื่อสัตย์ อดทนเป็นหลัก เพราะงานของเราทำงาน 24 ชม.7 วัน และต้องรับสายได้ตลอดเวลา นอกเหนือจากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็น เคมี นักธรณีวิทยา หรือเทรนนิ่ง

การบริหารคน เป็นสิ่งที่ผู้นำคนนี้ให้ความสำคัญมากๆ เพราะรูปแบบธุรกิจต้องอาศัยคนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริงๆ การลงทุนกับบุคลากรจึงเป็นเรื่องหลัก นอกจากคัดเลือกคนที่มีคุณภาพเข้ามาทำงานแล้ว ก็ต้องพัฒนาทักษะและคุณภาพของคนที่มีอยู่ให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ... "เพราะเมื่อเรามีบุคลากรที่มีคุณภาพ งานเราก็จะมีคุณภาพตาม"

"จิโรจ" ได้วางทิศทางการเติบโตของเอสจีเอสต่อเนื่อง นอกเหนือจากการขยายตลาดไปสู่กลุ่มซีแอลเอ็มวีแล้ว การขยายงานในประเทศก็กำลังเดินหน้า เพราะต่อจากนี้ ด้วยธุรกิจบริการที่เป็นคนกลาง ตราบใดที่ไทยยังมีการส่งออกและนำเข้า ธุรกิจก็ยังคงเดินหน้า และอีกธุรกิจที่กำลังขยายตัวมากขึ้น คือ อี-คอมเมิร์ซ ตรงนี้จะเป็นอีกตลาดหนึ่งที่เอสจีเอสเดินหน้าเข้าไปหา เพราะเรื่องคุณภาพ จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซได้รับการยอมรับมากขึ้น หากสินค้าที่ส่งถึงมือผู้บริโภค มีมาตรฐาน มีคุณภาพ ผ่านการตรวจสอบ มีองค์กรรับรอง ก็จะทำให้สินค้านั้นๆ มีโอกาสในการทำตลาดมากขึ้น และนั่นก็คือ โอกาสทางการตลาดของเอสจีเอสด้วยเช่นกัน

เอสจีเอส ภายใต้การบริการของ "จิโรจ" กำลังเตรียมพร้อมทั้งบุคลากร ที่มีเป้าหมายสร้างเอสจีเอสให้เป็น Employer of Choice และเครื่องไม้เครื่องมือ ที่จะรองรับการขยายตัวของงานในอนาคตทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยการลงทุนห้องแล็บ ที่เชียงใหม่ และระยอง โดยเป้าหมายของเขาในปีนี้ คือ การผลักดันรายได้ให้เติบโตขึ้นอีก 12% จากช่วงที่ผ่านมา เติบโตเพียง 7-8% ตามสภาพเศรษฐกิจ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,238 วันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2560