‘เบญจรงคกุล’รุกเมียนมา ร่วมมหาเศรษฐินีลุยฟินเทค

23 กุมภาพันธ์ 2560
มหาเศรษฐินี เจ้าของบริษัทค้าปลีกชั้นนำของเมียนมา ร่วมทุนบริษัทในเครือบริษัทเบญจจินดาโฮลดิ้งฯ ของครอบครัว เบญจรงคกุล ปักฐานธุรกิจฟินเทคเมืองหม่อง เริ่มบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ใช้ซี้อสินค้าออนไลน์ได้ กลางปีนี้

หนังสือพิมพ์เมียนมาอีเลฟเว่นรายงานว่า บริษัท ซิตี้มาร์ทโฮลดิ้งฯ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกชั้นนำในเมียนมา ตกลงร่วมทุนกับบริษัททีทูพีฯ (TSP) บริษัทฟินเทคของไทย ในเครือเบญจจินดา โฮลดิ้ง เพื่อให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-วอลเลต) แก่ลูกค้าชาวเมียนมากลางปีนี้โดยระบุว่าเจ้าของกิจการซิตี้มาร์ต คือนางวิน วิน ตินท์ (Win Win Tint) มหาเศรษฐินีของเมียนมา

ในปี 2558 นิตยสารฟอร์บส์ จัดอันดับให้นางวิน วิน ตินท์ เป็น 1 ใน 50 นักธุรกิจหญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชีย โดยเธอสืบทอดธุรกิจร้านค้าปลีกขายสินค้านำเข้าจากครอบครัวขณะที่มีอายุเพียง 21 ปีหลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่สิงคโปร์ในปี 2539 และพัฒนาขึ้นมาเป็นเครือข่ายค้าปลีกสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมา ปัจจุบันมีร้านในเครือกว่า 200 ร้านและเป็นเจ้าของบริษัท Pahtama Group ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายสินค้าชั้นนำจากต่างประเทศ

ร้านค้าของซิตี้มาร์ท มีหลากหลายรูปแบบทั้งแบบเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์ท ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายสินค้าเฉพาะกลุ่มอาทิร้านยา ร้านหนังสือ ร้านของเล่นเด็กรวมทั้งร้านเบเกอรี่และร้านกาแฟ ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีพนักงานรวม 8,000 คนและกำลังวางแผนตั้งโรงเรียนสอนวิชาค้าปลีกของตัวเองนับเป็นกลุ่มค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและล่าสุดนางวิน วิน ตินท์ ยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมค้าปลีกเมียนมาด้วย

นางวิน วิน ตินท์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการซิติ้มาร์ท ให้สัมภาษณ์เมียนมาอีเลฟเว่นว่า บริษัทร่วมทุนที่ก่อตั้งขึ้นกับบริษัททีทูพีฯ จะเริ่มให้บริการ ซิตี้รีวอร์ดส ซึ่งเป็นโปรแกรมสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้า โดยอี-วอลเลต ของบริษัทจะสามารถใช้จ่ายค่าสินค้าทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์โดยลูกค้าจะได้สิทธิประโยชน์มากมาย

นางวิน วิน ตินท์ กล่าวว่า "บริษัทจะเปิดบริการซื้อสินค้าทางออนไลน์กลางปีนี้ เพี่อเพิ่มช่องทางให้กับลูกค้า ในการซื้อสินค้ากับทางร้านซิตี้มาร์ท ส่วนทางด้านการใช้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ขณะนี้แม้ว่าคนเมียนมากว่า 99 % ใช้เงินสดในการซื้อสินค้า ทางบริษัทไม่หวังว่าลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้ระบบใหม่ในช่วงสั้น ๆ คงต้องใช้เวลาพอสมควรที่ลูกค้าจะไม่ใช้เงินสด ดังนั้นทางบริษัทจึงเปิดบริการควบกับการให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าเพื่อเร่งให้มีการใช้ระบบอี-วอลเลต เร็วขึ้น"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,238 วันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2560