ไทยแกรนด์ลักซ์ม้ามืดคว้าข้าว สต๊อกรัฐ2.88แสนตันวงการกังขานอมินี-ผวาดัมพ์ราคาโลก
เปิดชื่อบริษัทซิวข้าวในสต๊อกรัฐบาล 2.03 ล้านตันลำดับ 1 เป็น “แคปปิตัลซีเรียวส์” 3.14 แสนตัน รองลงมาเป็นไทยแกรนด์ลักซ์ม้ามืดซื้อ 2.88 แสนตันวงการจับตาผู้ส่งออกรายใหญ่แข่งดัมพ์ราคา อานิสงส์ส่งข้าวจีทูจี สมาคมส่งออกข้าวมีรายได้พุ่งกว่า 300 ล้าน
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดให้เอกชน โรงสี ผู้ส่งออกที่สนใจเสนอซื้อข้าวในสต๊อกของรัฐครั้งที่ 1/2560 ปริมาณ 2.86 ล้านตัน โดยเป็นข้าวจำนวน 17 ชนิด ใน 274 คลัง โดยเป็นข้าวเพื่อการบริโภคทั้งหมด ในคลังขององค์การคลังสินค้า ( อคส.) จำนวน 222 คลัง และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) จำนวน 52 คลัง ผลปรากฎว่ามีผู้เสนอซื้อจำนวน 48 ราย ใน 185 คลัง ปริมาณ 2.03 ล้านตัน มูลค่าที่เสนอซื้อ 1.85 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากการขายข้าวพบว่าบริษัทที่ซื้อข้าวในคลังรัฐบาลสูงสุด เป็น บริษัท แคปปิตัลซีเรียวส์ จำกัด(บจก.)จำนวน 23 โกดัง ปริมาณข้าวทุกชนิด 3.14 แสนตัน จำนวนเงิน 3,024.8 ล้านบาท ราคาซื้อเฉลี่ยข้าวทุกชนิด 9,655 บาทต่อตัน ลำดับรองลงมา เป็น บจก.ไทยแกรนด์ลักซ์ ซื้อข้าวปริมาณ 2.88 แสนตัน มูลค่า 2,705.3 ล้านบาท ราคาซื้อเฉลี่ย 9,437 บาทต่อตัน และลำดับ 3 บจก.ร่วมเจริญพัฒนาค้าข้าว ปริมาณ 235,327 ตัน มูลค่า 1,633.4 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 7,082 บาทต่อตัน อย่างไรก็ดีนอกจากนี้ยังมี บจก.พงษ์ลาภ และบจก.ถาวรไรซ์ ที่ติดอยู่ใน 5 ลำดับแรกการซื้อข้าวสูงสุดในครั้งนี้ด้วย
แหล่งข่าววงการค้าข้าว เปิดเผยถึงการประมูลในครั้งนี้พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า บจก.ไทยแกรนด์ลักซ์อนเตอร์เนชั่นแนลไรซ์ ถือเป็นม้ามืดที่ซื้อข้าวที่สูงสุดเป็นลำดับ 2 เป็นใคร มาจากไหน เป็นนอมินีให้กับบริษัทใด จะทิ้งข้าวหรือไม่ ต้องจับตามองให้ดี ที่สำคัญรัฐบาลขายข้าวในครั้งนี้ทำให้ผู้ส่งออกรายใหญ่จะมีข้าวอยู่ในมือมากขึ้น และไปดัมพ์ราคาขายแข่งในตลาดโลก จะส่งผลกับโรงสีและชาวนาในอนาคตที่จะมีโอกาสเสี่ยงสูงที่ผู้ส่งออกจะชะลอการซื้อข้าว ทำให้ราคาข้าวไม่ขยับขึ้น และอาจจะมีแนวโน้มต่ำลง โดยเฉพาะข้าวในปีนี้ชาวนาปลูกข้าวมากขึ้น จากปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีมากพอที่จะทำให้ชาวนาปลูกข้าวได้มากขึ้นเกินแผนที่กำหนด
"จากรายงานของศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 สถานการณ์การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี2559/60 แผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งทั้งประเทศ ปี 2559/60 จำนวน 10.24 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 6.93 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 3.31 ล้านไร่ ส่วนในลุ่มเจ้าพระยา มีแผนการเพาะปลูก จำนวน 5.17ล้านไร่ แบ่งเป็นข้าวนาปรัง 4.34ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.83 ล้านไร่ ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งทั้งประเทศ จำนวน 11.14 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 9.01 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.13 ล้านไร่ ส่วนในลุ่มเจ้าพระยา มีผลการเพาะปลูก จำนวน 6.82 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 6.18 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.64 ล้านไร่"
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าค้าข้าว กล่าวว่า ผลพวงจากที่สมาชิกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ขายข้าวในโครงการแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจีนั้น ในงบรายรับรายจ่ายในปี 2559 สมาคมมีรายได้ค่าบริหารส่งมอบข้าว กว่า 170 ล้านบาท จากปีก่อนหน้านั้นไม่มี และรายได้บริจาคกว่า 100 ล้านบาท ส่งผลทำให้มีรายได้กว่า 330 ล้านบาท ขณะที่ปี 2558 อยู่ที่ 95 ล้านบาท
อนึ่ง ข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ระบุข้อมูลบจก.ไทยแกรนลักซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไรซ์ จำกัด เป็นบริษัทที่จดทะเบียน เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม2545 มีทุนจดทะเบียน 20ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 54-55 หมู่ที่ 8 ถนนฉะเชิงเทรา-บางปะกงตำบลท่าสะอ้าน อำเภอบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา ประเภทธุรกิจ การขายส่งข้าวและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโรงสีข้าว และค้าส่ง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,238 วันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2560
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดให้เอกชน โรงสี ผู้ส่งออกที่สนใจเสนอซื้อข้าวในสต๊อกของรัฐครั้งที่ 1/2560 ปริมาณ 2.86 ล้านตัน โดยเป็นข้าวจำนวน 17 ชนิด ใน 274 คลัง โดยเป็นข้าวเพื่อการบริโภคทั้งหมด ในคลังขององค์การคลังสินค้า ( อคส.) จำนวน 222 คลัง และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) จำนวน 52 คลัง ผลปรากฎว่ามีผู้เสนอซื้อจำนวน 48 ราย ใน 185 คลัง ปริมาณ 2.03 ล้านตัน มูลค่าที่เสนอซื้อ 1.85 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากการขายข้าวพบว่าบริษัทที่ซื้อข้าวในคลังรัฐบาลสูงสุด เป็น บริษัท แคปปิตัลซีเรียวส์ จำกัด(บจก.)จำนวน 23 โกดัง ปริมาณข้าวทุกชนิด 3.14 แสนตัน จำนวนเงิน 3,024.8 ล้านบาท ราคาซื้อเฉลี่ยข้าวทุกชนิด 9,655 บาทต่อตัน ลำดับรองลงมา เป็น บจก.ไทยแกรนด์ลักซ์ ซื้อข้าวปริมาณ 2.88 แสนตัน มูลค่า 2,705.3 ล้านบาท ราคาซื้อเฉลี่ย 9,437 บาทต่อตัน และลำดับ 3 บจก.ร่วมเจริญพัฒนาค้าข้าว ปริมาณ 235,327 ตัน มูลค่า 1,633.4 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 7,082 บาทต่อตัน อย่างไรก็ดีนอกจากนี้ยังมี บจก.พงษ์ลาภ และบจก.ถาวรไรซ์ ที่ติดอยู่ใน 5 ลำดับแรกการซื้อข้าวสูงสุดในครั้งนี้ด้วย
แหล่งข่าววงการค้าข้าว เปิดเผยถึงการประมูลในครั้งนี้พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า บจก.ไทยแกรนด์ลักซ์อนเตอร์เนชั่นแนลไรซ์ ถือเป็นม้ามืดที่ซื้อข้าวที่สูงสุดเป็นลำดับ 2 เป็นใคร มาจากไหน เป็นนอมินีให้กับบริษัทใด จะทิ้งข้าวหรือไม่ ต้องจับตามองให้ดี ที่สำคัญรัฐบาลขายข้าวในครั้งนี้ทำให้ผู้ส่งออกรายใหญ่จะมีข้าวอยู่ในมือมากขึ้น และไปดัมพ์ราคาขายแข่งในตลาดโลก จะส่งผลกับโรงสีและชาวนาในอนาคตที่จะมีโอกาสเสี่ยงสูงที่ผู้ส่งออกจะชะลอการซื้อข้าว ทำให้ราคาข้าวไม่ขยับขึ้น และอาจจะมีแนวโน้มต่ำลง โดยเฉพาะข้าวในปีนี้ชาวนาปลูกข้าวมากขึ้น จากปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีมากพอที่จะทำให้ชาวนาปลูกข้าวได้มากขึ้นเกินแผนที่กำหนด
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าค้าข้าว กล่าวว่า ผลพวงจากที่สมาชิกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ขายข้าวในโครงการแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจีนั้น ในงบรายรับรายจ่ายในปี 2559 สมาคมมีรายได้ค่าบริหารส่งมอบข้าว กว่า 170 ล้านบาท จากปีก่อนหน้านั้นไม่มี และรายได้บริจาคกว่า 100 ล้านบาท ส่งผลทำให้มีรายได้กว่า 330 ล้านบาท ขณะที่ปี 2558 อยู่ที่ 95 ล้านบาท
อนึ่ง ข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ระบุข้อมูลบจก.ไทยแกรนลักซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไรซ์ จำกัด เป็นบริษัทที่จดทะเบียน เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม2545 มีทุนจดทะเบียน 20ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 54-55 หมู่ที่ 8 ถนนฉะเชิงเทรา-บางปะกงตำบลท่าสะอ้าน อำเภอบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา ประเภทธุรกิจ การขายส่งข้าวและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโรงสีข้าว และค้าส่ง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,238 วันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2560