"สหกรณ์คลองจั่น" วิกฤต! สภาพคล่องหดเหลือ 300 ล้าน วิ่งวุ่นหาเงินชำระคืนเจ้าหนี้

22 ก.พ. 2560 | 04:59 น.
วันที่ 22 ก.พ. 60 -- บอร์ดสหกรณ์คลองจั่นยื่นหนังสือร้อง "ปลัดยุติธรรม" เร่งทวงทรัพย์สินจากดีเอสไอกว่า 4 พันล้านบาท "ประกิต" โอดทวงทรัพย์ของกลางยังมืดมน ขณะสภาพคล่องลดเหลือ 300 ล้านบาท วิ่งหาเงินชำระคืนเจ้าหนี้ มิ.ย. นี้

คณะกรรมการ (บอร์ด) ฟื้นฟูกิจการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เตรียมหาเงินจ่ายคืนเจ้าหนี้งวด 3 ในเดือน มิ.ย. นี้ จากปีก่อนจ่ายไปแล้ว 2 งวดกว่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งบอร์ดได้ส่งหนังสือถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อทวงถามเงิน-ทรัพย์ของกลางมูลค่ากว่า 4,000 ล้าน จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

นายประกิต พิลังกาสา ประธานกรรมการบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ "ฐานเศรษฐกิจ" สื่อในเครือสปริง กรุ๊ป ฉบับที่ 3238 ระหว่างวันที่ 23-25 ก.พ. 2560 ว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้ส่งหนังสือถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อทวงถามถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับทรัพย์ของกลางที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สั่งอายัด 3,800 ล้านบาท ซึ่งทางบอร์ดได้ยื่นขอความคุ้มครองชั่วคราวและยื่นฟ้องดำเนินคดี (คดีหมายเลข 1674) กับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กับพวกอีก 18 คน โดยศาลมีคำสั่งเมื่อเดือน พ.ย. 2559 ให้จำเลย 16 คนชดใช้ ขณะนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์ ซึ่งทางบอร์ดได้ประสานกับทนายความของนายศุภชัย โดยไม่ประสงค์จะอุทธรณ์ ก็สามารถนำทรัพย์ของกลางไปขายได้ แต่เนื่องจากยังติดคดีอาญาของดีเอสไอ ซึ่งนำเอาทรัพย์ของกลางดังกล่าวไปเป็นของกลางในคดีอาญาไว้ นอกจากนี้ต้องเร่งรัดดีเอสไอเพื่อหาข้อยุติคดี M-Home เพื่อขอรับเงินจำนวน 261 ล้านบาท

ที่ผ่านมาบอร์ดทยอยจ่ายเงินคืนเจ้าหนี้ตามแผนไปแล้ว 2 งวดคือ กลางปี 2559 กว่า 700 ล้านบาท และสิ้นปีอีกกว่า 600 ล้านบาท ทำให้สภาพคล่องลดลงเหลือเพียง 200-300 ล้านบาท อาจไม่เพียงพอต่อการจ่ายเงินคืนเจ้าหนี้งวดที่ 3 ในเดือนมิถุนายนนี้ อีกกว่า 700 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้สหกรณ์ฯ มีรายได้เข้ามาจากการชำระดอกเบี้ยเงินกู้เพียง 10 กว่าล้านบาทต่อเดือน และเงินผ่อนชำระจากวัดธรรมกายอีก 20 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเงินจากวัดธรรมกายยังค้างจ่าย 370 ล้านบาท (ก่อนหน้าวัดจ่ายมาแล้ว 684 ล้านบาท โดยนำมาเป็นเงินจ่ายคืนเจ้าหนี้ไปแล้วส่วนใหญ่) ซึ่งทางวัดสั่งจ่ายเช็คล่วงหน้า 18 งวด ๆ ละ 20 ล้านบาท ทางบอร์ดรับชำระมาแล้ว 9 งวด ๆ ต่อไปกำหนดรับสิ้นเดือน ก.พ. นี้

“การชำระหนี้งวดที่ 3 ตัวแปรหลักคือ ดีเอสไอซึ่งนำทรัพย์ของกลางไปดำเนินคดีอาญา ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันยังเจรจาหาทางออก แต่ยังไม่คืบหน้า ซึ่งวันที่ 21 ก.พ. ได้ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อสอบถามว่าดีเอสไอหรืออัยการมีหนังสือตอบกลับมาหรือไม่อย่างไร เพราะจากการหารือกันทางกฎหมายนั้น คดีอาญาจะมุ่งเอาผิดกับตัวบุคคล ดังนั้นทรัพย์ของกลางควรจะคืนเจ้าของ แม้ผมพยายามวิ่งเต้นทุกทาง ทุกอย่างยังมืดมน”

ทั้งนี้ เกี่ยวกับการฉ่อโกงสหกรณ์คลองจั่น ทางดีเอสไอได้ดำเนินคดีอาญา ทั้งคดีฉ้อโกงและคดีลักทรัพย์นายจ้าง ซึ่งเป็นคดีฟอกเงินและรับของโจร รวม 6-7 คดี กรณีคดีเอ็มโฮมนั้นมีทรัพย์ของกลางมูลค่า 261 ล้านบาท และดีเอสไอนำทรัพย์ของกลางที่ปปง.อายัด 3,800 ล้านบาทไปไว้ในคดีอาญา

ในส่วนของบอร์ดได้ติดตามทรัพย์สินคืนโดยการฟ้องคดีแพ่งรวม 6 คดี อาทิ คดีที่ 4462 ทุนทรัพย์ฟ้อง 1.2 หมื่นล้านบาทส่วนใหญ่เป็นใบหุ้นที่ไม่มีราคา แต่มูลค่าที่มีจริงๆ เพียงพันกว่าล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ ปปง. ยึดไว้ เช่น บ้าน ที่ดิน กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาโรเลกซ์ และปืน เป็นต้น ปัจจุบันศาลยังนัดไต่สวนจำเลย 30 คน ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559 คาดว่าจะใช้เวลาเป็นปี

นอกจากนี้ยังมีคดีที่ศาลตัดสินให้ยกฟ้อง (หมายเลขคดี3321) โดยศาลระบุว่า บอร์ดไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ คดีนี้ต้องตีกลับให้เจ้าพนักงานกรมบังคับคดีดำเนินการฟ้องคดี ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการของกรมบังคับคดี

สำหรับสถานะของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยังมีสมาชิกเคลื่อนไหวชำระค่าหุ้นอยู่ประมาณ 9,000-10,000 คน โดยมีเงินกู้กว่า 1,000 ล้านบาท ลูกหนี้ทยอยชำระคืนดอกเบี้ยกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่เจ้าหนี้รายใหญ่ยังคงให้ความร่วมมือภายในแผนฟื้นฟูเป็นอย่างดี