ธุรกิจแบงก์อินโดโตพุ่ง มหาเศรษฐีจับควบรวมขึ้นเบอร์2ประเทศ

21 กุมภาพันธ์ 2560
มหาเศรษฐีอันดับ 8 อินโดนีเซียเชื่อธุรกิจแบงก์อนาคตดี เสนอซื้อหุ้นแบงก์เปอร์มาตา จากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เพื่อควบรวมกับแบงก์มายาปาดะ อินเตอร์เนชั่นแนล ของตัวเอง ยกระดับขึ้นเป็นธนาคารเอกชนใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ

หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์ รายงานว่า นายทาเฮอร์ (Tahir) มหาเศรษฐีอันดับ 8 ของอินโดนีเซียจากการจัดอันดับครั้งล่าสุดของนิตยสารฟอร์บส์ ประกาศว่าพร้อมซื้อหุ้น 90 % ของธนาคาร เปอร์มาตา (Permata) จากบริษัทสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดฯ และบริษัทแอสตรา อินเตอร์เนชั่นแนลฯ เพื่อนำมาควบรวมกับแบงก์มายาปาดะ

การควบรวมแบงก์เปอร์มาตา และ มายาปาดะ จะทำให้เกิดแบงก์เอกชนใหม่ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากแบงก์เซ็นทรัลเอเชีย

จาการ์ตาโพสต์ระบุว่า นายทาเฮอร์ เชื่อว่าบริการการเงินจะเป็นธุรกิจดาวเด่น ที่จะได้ประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจอินโดนีเซียซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยมหาเศรษฐีอันดับ 8 ของอินโดนีเซียมั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาหนี้เสีย ซึ่งเป็นปัญหาของแบงก์เปอร์มาตาในขณะนี้ได้

นายทาเฮอร์ ให้สัมภาษณ์สื่อในอินโดนีเซียเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่ามั่นใจแก้ปัญหาหนี้เสียของ เปอร์มาตาได้และให้สัมภาษณ์ จาการ์ตาโพสต์ว่า “ผมเดาว่า เปอร์มาตา กำลังประสบกับปัญหาหนี้เสีย และมองไม่เห็นเหตุผลไดที่สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จะเก็บหุ้นของเปอร์มาตาไว้และถ้าผู้ถือหุ้นของมายาปาดะมีโอกาสซื้อหุ้น ก็จะมีควบรวมกัน”

จาการ์ตาโพสต์อ้างข้อมูลจากแบงก์ชาติอินโดฯ ระบุว่าเมื่อสิ้นเดือนกันยายน 2559 อัตราหนี้เสียของแบงก์เปอร์มาตา อยู่ที่ 4.9 % ซึ่งสูงกว่าเฉลี่ยธนาคารใหญ่ทั้งระบบซึ่งอยู่ที่ 3.2 % และบริษัทจัดอันดับมูดี้ส์อินเวสเตอร์เซอร์วิสให้แนวโน้มเป็นลบ โดยให้เหตุผลว่ามีความไม่แน่นอนว่าผู้ถือหุ้นจะสนับสนุนธนาคารอย่างไรในภาวะเช่นนี้

จาการ์ตาโพสต์รายงานว่า เปอร์มาตา เป็นธนาคารเอกชนใหญ่อันดับ 5 ของอินโดนีเซีย มีสินทรัพย์รวม 171 ล้านล้านรูเปีย (ประมาณ 4.49 แสนล้านบาท) ขณะที่ธนาคารมายาปาดะ เป็นธนาคารเอกชนใหญ่อันดับ 11 ของประเทศมีสินทรัพย์ 53.8 ล้านล้านรูเปีย (ประมาณ154,392 ล้านบาท ) หากมีการควบรวมกันจะทำให้ธนาคารใหม่มีสาขารวม 400 สาขาและพนักงานรวมมากกว่า 1 หมื่นคน

นายแอนดี้ เฟอร์ดินานด์ ประธานฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ Samuel Sekuritasกล่าวว่า การควบรวมกิจการธนาคารขนาดกลางจะทำให้ แบงก์ที่เกิดใหม่เติบโตได้เร็วขึ้น งบดุลสวยขึ้น เนื่องจากการเป็นธนาคารระดับบนจะทำธุรกิจได้มากขึ้นตามกฎหมาย

จาการ์ตาโพสต์ อ้างคำสัมภาษณ์ของนายทาเฮอร์ รายงานว่ากลุ่มมายาปาดะ ไล่เก็บหุ้นของแบงก์ เปอร์มาตา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยมีธนาคาร 3 แห่งให้การสนับสนุนนายทาเฮอร์ ในการซื้อหุ้น และเชื่อว่าหากการซื้อหุ้นเปอร์มาตาไม่สำเร็จ นายทาเฮอร์ จะหันไปหาแบงก์อื่น ๆ ต่อไป

“มายาปาดา กรุ๊ป” (Mayapada Group) เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจใหญ่ของอินโดนีเซีย ก่อตั้งขึ้นโดยนายทาเฮอร์ ชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจและได้รับการยอมรับจากนายบิล เกตส์ ให้เป็นหุ้นส่วนร่วมบริจาคเงินเข้าสู่โครงการระดับโลกเพื่อช่วยเหลือคนจน เป็นคนแรกจากอาเซียนที่ได้รับยอมรับในเรื่องของความใจบุญในเวทีนานาชาติ

กลุ่มมายาปาดา กรุ๊ป มีกิจการหลัก ๆ อยู่สี่ธุรกิจคือ กลุ่มการเงินซึ่งมีทั้งธนาคาร ไฟแนนซ์และประกัน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีโรงแรมและอาคารสูงเพื่อการพาณิชย์ ค้าปลีกและที่อยู่อาศัย กลุ่มสุขภาพซึ่งมีโรงพยาบาล มายาปาดา เป็นแกนและกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มสื่อ มีหนังสือพิมพ์ภาษาจีนที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในอินโดนีเซียเป็นแกน

ฟอร์บส์ ระบุว่านายทาเฮอร์ มีสินทรัพย์สุทธิ ในปี 2559 อยู่ที่ 2,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 100,800 ล้านบาท) โดยปีก่อนหน้านั้นอยู่อันดับที่ 10 ในทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีของอินโดนีเซีย

สื่อในอินโดนีเซียระบุว่า นายทาเฮอร์ เกิดปี 2495 ที่เมืองสุราบายา ครอบครัวยากจน พ่อแม่ผลิตรถลากมีสามล้อหรือที่เรียกว่า “รถเจ๊ก” โดยพ่อเป็นคนประกอบตัวรถ ส่วนแม่เป็นคนทาสี ทำให้ทาเฮอร์ ต้องทำงานตั้งแต่เรียนมัธยมเพื่อหาเงินจ่ายค่าเทอมและได้ทุนไปเรียนแพทย์ที่ไต้หวันแต่เรียนไม่จบต้องเดินทางกลับเนื่องจากพ่อป่วยและหันมาเรียนมหาวิทยาลัยนันยาง ที่สิงคโปร์จบปริญญาตรีพาณิชย์และเรียนต่อบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยโกลเดนเกต ยูนิเวอร์ซิตีจากแคลิฟลอร์เนียที่มาเปิดวิทยาเขตที่กรุงจาการ์ตา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,237 วันที่ 19 - 22 กุมภาพันธ์ 2560