ภาพเมืองเก่าขนาดเล็กที่รายล้อมไปด้วยโครงสร้างบ้านสุดคลาสลิคจากไม้ในการถ่ายทอดสถาปัตยกรรมสำหรับการอยู่อาศัยอย่างงดงาม บริบทโดยรอบของหมู่บ้านเพียบพร้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางอาหาร อากาศ และอารยธรรม เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการมุ่งหน้ามาเสพความสุข เรียนรู้วัฒนธรรม รวมทั้งชาร์จแบตเตอรี่ให้กับร่างกายและหัวใจด้วยความเงียบสงบ กลิ่นหอมของธรรมชาติ แสงอุ่นในยามเช้า เสียงฝีเท้าในยามเย็น คือแรงบันดาลใจในการเหวี่ยงเราให้มารู้กับดินแดนแห่งนี้ “เชียงคาน จังหวัดเลย”
ระยะทางเกือบ 600 กิโลเมตรจากกรุงเทพมหานคร นำพาพวกเรามุ่งหน้าสู่เมืองเชียงคาน เมืองที่สวยงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิตแบบดั่งเดิมและธรรมชาติที่สวยงามทั้งขุนเขา ป่าไม้ และแม่น้ำ ที่เราสามารถเดินชม ปั่นจักรยานมอง และบันทึกความทรงจำผ่านเลนส์กล้องได้อย่างสุขใจ ซึ่งในทุกครั้งที่เรานึกถึงเชียงคาน สิ่งแรกที่เราไม่ควรพลาดคือการรับชมและรับชิมบรรยากาศของ “ถนนคนเดินเชียงคาน” ซึ่งว่ากันว่าเป็นถนนสายแรกๆของเมืองไทยในการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวด้วยการนำเสนอภูมิปัญญาของชาวบ้านผ่านเส้นทางคอนกรีตที่มีชื่อว่า “ถนนศรีเชียงคาน” ทอดยาวไปตามไหล่ถนนนับตั้งแต่ซอย 1-24
ระหว่างทางของถนนแห่งศิลปะเราจะได้พบกับ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ของฝากท้องถิ่น รวมทั้งที่พักสุดคลาสลิคในสไตล์ต่างๆ ไม่เพียงเท่านั้นระหว่างเดินยังมีการนำเสนอบทเพลงต่างๆ ทั้งจากศิลปินอิสระและกลุ่มเยาวชน เพื่อสร้างความเพลิดเพลินและอรรถรสของการก้าวเดินให้เกิดความนุ่มลึกในทุกกิโลเมตร ถนนดังกล่าวเปิดให้บริการเกือบทุกวันโดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นแหล่งรวมรอยยิ้มและความประทับใจของนักท่องเที่ยวที่เราสามารถออกไปสัมผัสและทักทายกับความสุขของเมืองแห่งนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน
นอกจากเส้นทางถนนคนเดินในช่วงเวลากลางคืน ช่วงเวลาเช้าเราสามารถร่วมสืบทอดวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวเชียงคานด้วยการตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เพื่อสร้างบุญกุศลและพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ให้กับชีวิต อย่างไรก็ดีอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเมื่อมาถึงดินแดนแห่งความเงียบสงบแบบนี้คือการ “ชมทัศนียภาพจากธรรมชาติ” โดยสถานที่ที่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆเลือกปักหมุดไปนั้น คือการสัมผัสทะเลหมอกภูทอกในยามเช้าและชมพระอาทิตย์ตกของลุ่มแม่น้ำโขงในยามเย็น
ทะเลหมอกภูทอก แสงแรกในยามเช้าของเมืองเลยที่ทำให้เราสัมผัสถึงไออุ่นของกลิ่นแสงแดดด้วยโทนสีส้มอ่อน ควบคู่ไปกับไอเย็นสีขาวหรือหมอกจางๆของความกดอากาศต่ำ คลุกเคล้ากับโทนสีเขียวจากพรรณไม้นานาชนิด ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนสนับสนุนในการสร้างความสวยงามทางธรรมชาติในระยะการมอง 360 องศา ได้อย่างน่าประทับใจในทุกช่วงเวลาของการกระพริบตาและผ่อนลมหายใจ สำหรับยามเย็นนั้นไม่มีบรรยากาศที่ไหนจะชิวไปกว่าการได้หยุดพัก หยุดมอง พระอาทิตย์ดวงโตกำลังลับขอบฟ้าไปจากบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งนอกจากความสวยงามของโทนสีบนท้องฟ้า เราจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตสายแม่น้ำอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของประมง การเดินทาง ตลอดจนการดำรงชีวิตของสัตว์นานาชนิดๆ
ธรรมชาติและอารยธรรมเป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญของหัวใจในการก้าวเดินไปยังดินแดนแห่งนี้ด้วยความเต็มใจ และความทรงจำหรือผลลัพธ์ที่ได้กลับมา คือ “การสำลักความสุขจนล้น” ภาพและบทความด้านการท่องเที่ยวจากเชียงคานฉายภาพเพียงบางส่วนของรสชาติแห่งความสุข เปรียบเสมือนดั่งออร์เดิร์ฟรสเด็ดที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวเดินของคุณให้ออกจากกรอบและมุ่งหน้าไปสัมผัสกับสถานที่แห่งนี้ด้วยตัวคุณเอง ฉะนั้นอย่าทำงานเพียงเพื่อสร้างรายได้ แต่จงทำงานเพื่อสร้างผลกำไรให้กับชีวิตผ่านการเดินทางท่องเที่ยวไปยังดินแดนต่างๆ ซึ่งที่นี่พร้อมต้อนรับคุณเสมอ ขอเพียงคุณเลยไป “เชียงคาน”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,237 วันที่ 19 - 22 กุมภาพันธ์ 2560
