"ต๊อบ เถ้าแก่น้อย"เปิดเกมสร้างแบรนด์รุกจีน-บูมไทย

18 ก.พ. 2560 | 14:20 น.
กว่า 10 ปีของแบรนด์ "เถ้าแก่น้อย" ผลิตภัณฑ์สาหร่ายสุดฮอตกับเส้นทางทะยานสู่ความสำเร็จด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 66% มาวันนี้ "เถ้าแก่น้อย" ที่นอกจากจะครองแชร์ในประเทศเป็นอันดับหนึ่งแล้ว ยังสยายปีกก้าวขึ้นสู่ "โกลบัลแบรนด์" ได้อย่างสวยงาม "ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสพูดคุยกับ "อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์" หรือ ต๊อบ เถ้าแก่น้อย ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) นักธุรกิจหนุ่มผู้ปลุกปั้นแบรนด์ถึงทิศทางการทำตลาดนับจากนี้

 เปิดเกมสร้างแบรนด์ในจีน

"อิทธิพัทธ์" กล่าวถึงทิศทางการทำตลาดในต่างประเทศว่า ช่วง 1-2 ปีนับจากนี้จะให้ความสำคัญการสร้างแบรนด์ในประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค ผ่านกลยุทธ์การขยายช่องทางการจำหน่ายเป็นหลักควบคู่กับการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์หรือแบรนด์อะแวร์เนส ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพันธมิตรในส่วนของดิสตริบิวชันในประเทศจีนจากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 รายเป็นเท่าตัวในช่วง 3 ปีนับจากนี้โดยจะเน้นทำตลาดผลิตภัณฑ์สาหร่ายเป็นหลัก พร้อมวางเป้าหมายในการบุกเข้าไปทำตลาดให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่กว่า 28 เมือง

"ปีนี้จะเป็นปีแรกที่เถ้าแก่น้อยเข้าไปสร้างแบรนด์ในประเทศจีนอย่างจริงจังและเป็นทางการ คงต้องบอกว่าตั้งแต่นาทีนี้วันนี้เป็นต้นไป บริษัทจะโฟกัสการทำตลาดในประเทศจีนอย่างมากขึ้นผ่านรูปแบบต่างๆ เนื่องจากมองว่าจีนยังมีศักยภาพทางการเติบโตสูง โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนยอดขายที่มาจากประเทศจีนคิดเป็น 30% จากยอดขายทั้งหมด โดยเบื้องต้นมีการสื่อสารแบรนด์ในช่องทางออนไลน์ในประเทศจีนไปบ้างแล้ว ขณะที่ในส่วนของดิสตริบิวชันปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 20% ของกลุ่มเป้าหมายในประเทศจีน เป้าหมายของเราคือการเพิ่มพันธมิตรในส่วนดังกล่าวเติบโตเป็นเท่าตัวใน 3 ปี"

ขณะที่แผนการลงทุนเพิ่มเติมจะเป็นการลงทุนในส่วนของดิสตริบิวชัน เช่น ค่าแรกเข้าและค่าการตลาดในการสร้างแบรนด์ เพราะจะเน้นแต่การขยายดิสตริบิวชันอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเน้นการสร้างแบรนด์ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งการสร้างแบรนด์ในประเทศจีนที่ทำไปแล้ว ได้แก่ การสื่อสารแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นต้น โดยปัจจุบันกลุ่มสแน็กจากสาหร่ายของบริษัทครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 80% ในประเทศจีน ขณะที่นมอัดเม็ดเป็นช่วงทดลองตลาดที่เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยวางจำหน่ายในร้านของพาร์ตเนอร์ที่เป็นร้านในย่านท่องเที่ยวกว่า 90 ร้านค้าในประเทศไทย ซึ่งยังไม่ได้มีการส่งออกแต่อย่างใด

  ชู "GOT7" บูมวัยรุ่นในไทย

ด้านการทำตลาดในประเทศไทยจะให้ความสำคัญกับการขยานฐานผ่านกลุ่มแฟนคลับเกาหลีและกลุ่มครอบครัวมากขึ้น ควบคู่กับการสร้างตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ มาร์เก็ตติ้งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านงบประมาณการทำตลาดภายในประเทศ 5-6% ของยอดขาย

"กระแสเค-ป๊อป ในเมืองไทยเริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่งและมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทจึงใช้งบการตลาดกว่า 50 ล้านบาท จัดแคมเปญใหญ่ตั้งแต่ต้นปี พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ "GOT7" ศิลปินดังจากประเทศเกาหลี ขวัญใจวัยรุ่นชาวเอเชียและคนไทยเข้ามาสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ไปยังผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ควบคู่กับการกระตุ้นตลาดให้มีความคึกคัก"

ทั้งนี้เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้มีโอกาสสัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ต ในธีม เวลาสนุกของ GOT7 ต้องเถ้าแก่น้อย ซึ่งถือเป็นการเป็นการขยายฐานลูกค้าของเถ้าแก่น้อยไปยังภาคต่างจังหวัดมากขึ้นอีกด้วย หลังจากที่ผ่านมากิจกรรมที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และในโลกออนไลน์มากกว่า โดยตั้งเป้า ขณะที่เป้าหมายการเติบโตในปีนี้วางไว้ที่ 15-20% จากปีที่ผ่านมาที่ยอดขายรวมทั้งในและต่างประเทศของบริษัทในปีที่ผ่านมาเติบโต 25%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,236 วันที่ 16 - 18 กุมภาพันธ์ 2560