‘แสนสิริ’เปิดทริกซื้อที่ดิน คิดเร็วทำเร็ว-บุกเอเชีย-เพิ่มพันธมิตรใหม่

17 ก.พ. 2560 | 09:00 น.
ร้อนแรงต่อเนื่องสำหรับคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าล่าสุดค่ายใหญ่ชิงความได้เปรียบ ไล่ฮุบทำเลทองขึ้นโครงการรับกลุ่มลูกค้าในมือ เช่นเดียวกับ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียมให้สัมภาษณ์ถึงแผนพัฒนาโครงการดังนี้

 ทำเลรถไฟฟ้า

ทำเลรถไฟฟ้ายังเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการทุกค่ายต่อการพัฒนา คอนโดมิเนียม ไม่ว่าราคาที่ดินแพงแค่ไหน ก็ต้องซื้อ หากบริษัทวิเคราะห์ว่าทำเลไหน มีอนาคตเป็นที่ต้องการลูกค้า ก็จะคิดให้เร็วและตัดสินใจซื้อเลยช้าไม่ได้ แพงเท่าไหร่ก็ยอมไม่เช่นนั้นไม่ทันค่ายอื่น ที่เขาต้องการเช่นกัน ดังนั้นก่อนซื้อที่ดินพัฒนาโครงการ ต้องมีข้อมูลในมือ และมีกลุ่มลูกค้าในมือที่ชัดเจนก่อน

เทคนิคซื้อที่ดิน เนื่องจากที่ดินมีน้อย หายากและราคาแพง ตารางวาละ 2ล้านกว่า ก็มีคนซื้อ โดยเฉพาะ รถไฟฟ้าบีทีเอส ย่านใจกลางเมือง เราใช้ทุกช่องทาง ทั้งนายหน้า ตัวแทนบริษัท รวมทั้งประกาศซื้อ ทั้งที่ดินและตึกแถวเก่า บ้านเก่า ซึ่งนายอุทัย ยังย้ำว่า ทุกรูปแบบ ใครมีที่ดินแนวรถไฟฟ้า ทำเลดี เสนอขายเข้ามาได้ บริษัทรับพิจารณา เพราะต้องการที่ดินอีกมากซึ่ง ทำเลกลางใจเมือง อย่างอโศก สุขุมวิท ทองหล่อ ยอมรับว่าหาซื้อยาก เพราะกลายเป็นตึกที่เป็นทำเลการค้า ไม่ใช่จะขายทุกราย เพราะ ตึกแถวที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ต่างก็ต้องเก็บไว้เช่นกัน แต่เมื่อเป็นบริษัทเป็นบริษัทพัฒนาที่ดิน ต้องผลิตโครงการออกสู่ตลาดต่อเนื่อง สิ่งที่ต้องมีอยู่ในมือคือที่ดิน ขณะเดียวกันหาก ใครต้องการขายโครงการคอนโดมิเนียมเก่าก็ยินดีพิจารณา เพราะสภาพคล่อง ยังมีเหลืออยู่มาก ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท เพราะแต่ละปี เราผลิตโครงการออกมาไม่มาก

 เจาะตลาดต่างชาติ

แน่นอนว่า การลงทุนซื้อที่ แนวรถไฟฟ้า ในเขตกรุงเทพชั้นใน บริษัทยังคง เน้นตลาดไฮเอนด์ ที่มีลูกค้าในมืออยู่มาก จากการขยายตลาดใหม่ๆ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ดูไบ มาเลเซีย จีน ไต้หวัน

"เราอยู่เฉยไม่ได้ต้องหาแอเรียใหม่ๆไปขายกับต่างชาติ ซึ่งภาพรวมได้รับการตอบรับดีมาก " เพราะ มีตัวอย่างโครงการที่ประสบความสำเร็จมาแล้วอย่าง " คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค" ใจกลางทองหล่อ ที่ มียอดขายไปแล้ว 65% ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างชาติ จอง นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดโฉมไนน์ตี้เอทไวร์เลส โครงการ แฟล็กชิพ คอนโดมิเนียม บนทำเลถนนวิทยุ ต่อเนื่อง ในเดือนมีนาคม นี้

 ขยายทำเลรถไฟฟ้าใหม่

นอกจากทำเลรถไฟฟ้าใจกลางเมืองแล้ว ทำเลกรุงเทพฯชั้นกลางที่ยังไม่เคยลงไปพัฒนาก็จะเข้าไปลงทุน อาทิ รถไฟฟ้าสายใหม่ๆ สายสีน้ำเงิน ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง แถบจรัญสนิทวงศ์ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ทำเล ลาดพร้าว ศรีนครินทร์ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ทำเลแจ้งวัฒนะ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ทำเลมีนบุรี เป็นต้น ซึ่งราคาจะต่างกันขึ้นอยู่กับทำเล เฉลี่ย ราคาตารางเมตรละ 7 หมื่น -1.2 แสนบาทต่อตารางวา ส่วนต่างจังหวัดราคา5 หมื่นบาทต่อตารางวา ส่วน รถไฟฟ้าสายสีม่วง บริษัทชะลอพัฒนา ต่อเนื่องเพราะ ติดปัญหาเรื่องสถานีไม่เชื่อมต่อกัน ซึ่ง มองว่า ยังเป็นปัญหาต่อการตัดสินใจของลูกค้า อย่างไรก็ดี บริษัทพัฒนากระจายทุกกลุ่มคอนโดมิเนียม แต่จะเน้นมากและตลาดไปได้ คือไฮเอนด์ ขณะที่ แบ็กล็อกในมือขณะนี้มีอยู่ 3.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอน ปีนี้ได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยโครงการเดอะไลน์ หมอชิต ร่วมทุนกับบีทีเอส ก็จะโอน เร็วๆนี้ ประมาณ 500 หน่วยจาก 1,000 หน่วย

 เพิ่มพันธมิตรใหม่

แสนสิริประกาศแผน 5ปีมีรายได้ 1 แสนล้าน นับตั้งแต่ ปี 2558 ในการร่วมทุนกับ บีทีเอสกรุ๊ปพัฒนาคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้า รัศมี 500 เมตร มูลค่า 3,000 ล้านบาท ขึ้นไป เป้าหมาย 25โครงการ ขณะนี้มีที่ดินในมือแล้ว 20 แปลง หรือ 20 โครงการ ส่วนอีก 5 แปลง อยู่ระหว่างหาซื้อ ขณะเดียวกันที่ดินของบีทีเอส มีจำนวนมาก และยังประกาศซื้ออีกหลายหมื่นล้าน ซึ่งจะร่วมทุน รายโครงการ 50:50 ซึ่งที่ดิน ของ บีทีเอส ที่ เจรจาร่วมทุนที่น่าสนใจจะมี บริเวณสถานีพญาไท ที่ดิน ข้างเทสโก้โลตัส จำนวน7ไร่ ที่ดินตรงข้ามแดนเนรมิต เกือบ 50ไร่ที่ บีทีเอส ลงทุนร่วมกับ บริษัท จีแลนด์ฯ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ยังเปิดหาบริษัทร่วมทุนรายใหม่ๆ ซึ่งเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีสภาพคล่อง เหมือนกัน "การหาสามี สักคนต้องหาที่เหมาะสมกัน เหมือนกับหาหุ้นส่วนธุรกิจต้องมี ภาพลักษณ์ สายป่านดีเหมือนกัน"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,236 วันที่ 16 - 18 กุมภาพันธ์ 2560