ค่ายใหญ่ชูมอ’ไซค์ไฟฟ้า ‘ฮอนด้า-ยามาฮ่า’เคาะ ทำตลาดภายใน 3 ปี

17 ก.พ. 2560 | 05:00 น.
จับตาค่ายจักรยานยนต์ยัก ษ์ใ ห ญ่“ฮอนด้า-ยามาฮ่า” ขยับกระบวนทัพรถพลังงานไฟฟ้า โดยค่ายแรกวางแผนทำตลาดภายใน 3 ปีส่วนค่ายหลังพร้อมปรับสมรรถนะให้ตรงข้อกำหนดของรัฐบาล ยืนยันนำเข้ามาขายแน่

คนไทยกับรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หลักใหญ่คือการใช้อย่างแพร่หลาย โดยมุ่งประเด็นไปที่การประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งผิดกับในปัจจุบันที่หลายผู้ประกอบการนำเข้ามาขายจากจีนบ้างไต้หวันบ้าง แต่ไม่ได้รับความนิยมเพราะไม่ตอบโจทย์การใช้งาน รวมถึงการบริการหลังการขาย จนถึงขั้นที่ว่า “ใช้พังแล้วทิ้งไปเลย”

ปัจจุบันธุรกิจขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีให้เห็นหลายราย สนนราคา 4-5 หมื่นบาท ทว่าตัวเลขจดทะเบียนรถประเภทนี้ตามข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกยังแสดงให้เห็นเพียงหลักร้อยถึงพันคันต่อปีเท่านั้น แม้ล่าสุดกรมการขนส่งทางบกจะมีนโยบายสนับสนุนให้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแจ้งเกิด โดยปรับลดกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าจากกำหนดไว้ 0.5 กิโลวัตต์ เป็นไม่น้อยกว่า 0.25 กิโลวัตต์ ส่วนความเร็วที่วิ่งได้ต้องไม่น้อยกว่า 45 กม./ชม.

สอดคล้องกับที่ผ่านมา รัฐบาลมีท่าทีในการสนับสนุนรถไฟฟ้าและรถพลังงานทางเลือกอย่างจริงจัง ทำให้แต่ละค่ายผู้ผลิตเริ่มมีการขยับปรับตัว เช่นเดียวกัย “ยามาฮ่า”นำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นอี-วีโน่ E-VINO มาร่วมโชว์ที่ทำเนียบรัฐบาล(ปลายปีที่แล้ว)

“รถไฟฟ้าและรถที่ใช้พลังงานทดแทนอื่นๆอยู่ในแผนงานพัฒนาที่วางไว้ โดยคาดว่าภายใน 3 ปีจะเริ่มเห็นความชัดเจน อย่างไรก็ดีการพัฒนาสินค้ารถรุ่นใหม่ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้พัฒนาแบตเตอรี่ - ชิ้นส่วนอื่นๆด้วย” นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวและว่า

“เรามีแผนสำหรับรถไฟฟ้า แต่ไม่ใช่ปีนี้หรือปีหน้า เนื่องจากต้องดูหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติของตัวรถที่ต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขของกรมขนส่งทางบก ซึ่งรายละเอียดคร่าวๆอาทิ สมรรถนะ ,การชาร์ทไฟ,ระยะทางวิ่งได้กี่กิโลเมตร และที่สำคัญคือแบตเตอรี่ที่ยังมีราคาแพง ส่งผลให้ต้นทุนรถราคาสูง”

ขณะที่ เอ.พี. ฮอนด้า ประกาศแผนงานระยะสั้น 3 ปี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดในไทยโดยแนวคิดดังกล่าวอยู่ภายใต้กลยุทธ์ทางการตลาดที่ฮอนด้าต้องการนำเสนอสินค้าที่เหนือความคาดหวังของลูกค้า โดยจะมีการนำโนโลยีทันสมัยที่ยกระดับความปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ สะดวกสบายต่อผู้ใช้มาใส่ไว้ในรถจักรยานยนต์ ซึ่งฮอนด้าตั้งเป้าหมายในภาพใหญ่ว่าจะเปิดตัวรถใหม่ 19 รุ่นภายใน 3 ปีนี้

ทั้งนี้เอ.พี.ฮอนด้าเคยนำเข้ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EV-Cub มาเผยโฉมในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2016 โดย “สุชาติ อรุณแสงโรจน์” กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า EV-Cub Concept เป็นรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าทีได้รับการพัฒนาให้มีความลงตัวระหว่างดีไซน์ที่คลาสสิคของรถตระกูล Cub กับเทคโนโลยีรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งอนาคต ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเสียงเงียบ ไร้มลพิษ ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ออกแบบพิเศษให้มีน้ำหนักเบา สามารถถอดออกและชาร์จไฟได้จากที่พักอาศัย รวมทั้งให้ระยะทางการขับขี่ที่มากกว่า

อย่างไรก็ตาม นอกจากการขยับของรัฐบาลและ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่แล้ว รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบไฮเพอร์ฟอร์แมนซ์ยังถูกนำเข้ามาขายโดยไทยยานยนตร์ กรุ๊ป เมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมาในชื่อแบรนด์ ZERO ด้วยกำลังขนาด 9.4-12.5 กิโลวัตต์ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใช้เวลา 3.3-4.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 150-160 กม./ชม. แต่สนนราคา 6.9-8.7 แสนบาท ทำให้รถยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก และการทำตลาดในช่วงหลังก็เงียบไปแล้ว

...เห็นได้ว่ายานยนต์พลังงานไฟฟ้า ไม่ได้จำกัดวงอยู่เฉพาะรถยนต์เท่านั้น แต่รถจักรยานยนต์เริ่มขยับปรับตัวเพื่อรับกระแสใหม่ของโลกใบนี้ แม้ยอดขายยังไม่มากแต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ 2 ค่ายใหญ่แสดงท่าทีออกมา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,236 วันที่ 16 - 18 กุมภาพันธ์ 2560