เอไอเอสผนึกทีโอที ติดปีกเชื่อมระบบ3จี

17 ก.พ. 2560 | 10:00 น.
“เอไอเอส” ผนึก“ทีโอที” เดินหน้ายกระบบโครงข่าย 3 จี หลังเซ็นเอ็มโอยู ร่วมชูเรื่องความเร็วสูง เตรียมพร้อมสู่เทคโนโลยี 5 จี ล่าสุดร่วมกับกูเกิล นำอุปกรณ์เสริมแชร์ข้อมูลจากมือถือ และ แท็บเลต ไปยัง “ทีวี” เข้ามาทำตลาด

นายปรัธนา ลีลพนัง รักษาการ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังจาก เอไอเอส และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามเป็นพันธมิตร เพื่อให้บริการเชื่อมโยงสัญญาณ หรือ โรมมิ่ง ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2559 ที่ผ่านมาว่าเพื่อยกระดับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทั้ง 2 ฝ่าย สัมผัสได้ถึงคุณภาพของสัญญาณที่ดีขึ้นในทุกด้าน ทั้งเรื่องความเร็วของการรับ/ส่งข้อมูล, ความคมชัดของเสียงและความสามารถในการรองรับการใช้งาน (Capacity) รวมถึงความพร้อมสู่เทคโนโลยีใหม่ๆในอนาคตอย่าง 5 จี หรือ NB IoT เป็นรายแรกๆ

อย่างไรก็ตาม การร่วมมือครั้งนี้เพื่อเป็นผู้ให้บริการระบบสื่อสารหลัก และ เสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิตอลให้แก่ประเทศไทย สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งหวังสร้างความมั่นคงให้แก่รัฐวิสาหกิจนั้น ขณะนี้ผลจากความร่วมมือดังกล่าว ทำให้ทั้งทีโอทีและเอไอเอส ได้ยกระดับคุณภาพเครือข่ายให้ดีขึ้นแล้วในทุกด้าน

“ความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้โลโกหน้าจอโทรศัพท์เคลื่อนที่ของลูกค้า เอไอเอส แสดงเป็น เอไอเอส-ที หรือ ทีโอที 3 จี โดยลูกค้าจะได้รับบริการจากเครือข่ายคุณภาพพร้อมบริการอื่นๆตามมาตรฐานที่ดีที่สุดเช่นเดิม ด้วยอัตราค่าบริการตามโปรโมชันเดิมของลูกค้า โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม”

นายปรัธนา ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากการพัฒนาเครือข่าย และ การนำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาจำหน่ายแล้ว เอไอเอส ยังนำอุปกรณ์เสริมเข้ามาจำหน่ายเพื่อให้บริการ ซึ่งล่าสุดได้ร่วมกับ กูเกิล นำสินค้า "Google Chromecast”(เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แชร์คอนเท้นต์ (Streaming & Mirror) จากสมาร์ตโฟน, แท็บเล็ต และโน้ตบุ้กไปยังทีวี )เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ในราคา 1,490 บาท ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ เอไอเอสช็อป และ ออนไลน์ เป็นต้น

เหตุผลที่ร่วมกับกูเกิล เนื่องจาก บริการฟิกซ์บรอดแบนด์ครอบคลุมมากกว่า 5 ล้านครัวเรือน และปริมาณการใช้งานข้อมูล และดิจิตอลคอนเทนต์ มากขึ้นอย่างมหาศาล มียอดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านมือถือสูงถึง 24 ล้านราย ในจำนวนนี้ 12 ล้านราย ใช้งานผ่านมือถือ 4จี และใช้อินเตอร์เน็ตวันละ 6 ชั่วโมง โดยพบว่ามีการชมวีดีโอถึง 10 ล้านคลิปต่อวัน รวมถึงอัพโหลดภาพวันละ 1.8 ล้านภาพ ตลอดจนการเข้ามาของอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ ทำให้เกิดการใช้งานแบบส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นมากมาย

“การมาของ Google Chromecast จะเปลี่ยนรูปแบบการดูทีวีของคนไทยไปอีกขั้น โดยจะช่วยสนับสนุนและเพิ่มจำนวนการเข้าชมวิดีโอคอนเทนต์อันเนื่องมาจากมากประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง ช่วยต่อยอดการรับชมคอนเทนต์บนแอพ เอไอเอสเพย์ ได้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยครั้งนี้ เราไม่เพียงแต่นำเข้ามาจำหน่าย แต่ยังได้ทำงานร่วมกับกูเกิล อย่างใกล้ชิด เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดยได้พัฒนาให้แอพเอไอเอสเพย์ เป็นแอพพลิเคชันวิดีโอสตรีมมิ่งรายเดียวของไทย ที่ได้รับการการันตี จาก กูเกิล ให้สามารถรับชมบน Google Chromecast ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเฉกเช่นเดียวกับแอพความบันเทิงระดับโลก อย่าง ยูทูบ และฮุค เป็นต้น เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,236 วันที่ 16 - 18 กุมภาพันธ์ 2560