กุหลาบสื่อรัก 2 พันล. เงินสะพัดสุดใน 10 ปี ร้านค้าแข่งดุชิงเค้ก

13 ก.พ. 2560 | 14:00 น.
วาเลนไทน์คึกสุดขีด คาดยอดขายกุหลาบทะลุ 2,000 ล้านบาท เงินสะพัดกว่า 3,700 ล้านบาทสูงสุดในรอบ 10 ปี จากกำลังซื้อฟื้นตัว ส่งผลผู้ประกอบการแข่งอัดโปรโมชันชิงเม็ดเงิน

ดอกกุหลาบยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญในเทศกาลวันวาเลนไทน์ และเป็นเหมือนดัชนีชี้วัดถึงสภาพเศรษฐกิจในช่วงโค้งแรกของปีว่าจะกลับมาคึกคักหรือไม่ โดยล่าสุดศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและหอการค้าไทย ได้ประเมินตัวเลขเงินสะพัดในเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ว่าจะมีมูลค่าถึง 3,707 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ยอดขายดอกกุหลาบอาจจะพุ่งสูงขึ้นถึง 2,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่าราว 1,500 ล้านบาท สาเหตุจากกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว รายได้ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรที่ราคาสินค้าเกษตรเริ่มขยับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับแผน เพื่อชิงยอดขายในช่วงเวลาดังกล่าว

โดยนายเรวัต จินดาพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิส ลิลลี่ ฟลาวเวอร์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายดอกไม้และของขวัญผ่านคอลเซ็นเตอร์ ภายใต้แบรนด์ "มิส ลิลลี่" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตลาดดอกกุหลาบในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเริ่มมีการสั่งซื้อดอกกุหลาบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แตกต่างจากปีก่อนที่ตลาดลดลงอย่างมาก ทำให้เชื่อว่าน่าจะฟื้นตัวขึ้นและมียอดขายไม่ต่ำกว่าที่ผ่านมา โดยมูลค่าตลาดขายส่งดอกกุหลาบและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการจัดช่อดอกไม้ ที่ตลาดดอกไม้ปากคลองตลาด คาดว่าจะมีมูลค่าราว 300 ล้านบาท ส่วนราคาขายปลีกจะมีราคาเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5 เท่า หรือมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท

[caption id="attachment_129766" align="aligncenter" width="503"] กุหลาบสื่อรัก2พันล. เงินสะพัดสุดใน10ปี ร้านค้าแข่งดุชิงเค้ก กุหลาบสื่อรัก2พันล. เงินสะพัดสุดใน10ปี ร้านค้าแข่งดุชิงเค้ก[/caption]

ตลาดดอกกุหลาบสำหรับการจัดช่อ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ดอกกุหลาบจากจีน และกุหลาบจากฮอลล์แลนด์ โดยกุหลาบจากจีนมีราคาต้นทุนดอกละ 20 บาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีราคาต้นทุนดอกละ 25 บาท เนื่องจากปีก่อนต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นทำให้มีผลผลิตออกน้อย ส่วนราคาขายปลีกจะปรับเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5-10 เท่า ขณะที่ดอกกุหลาบฮอลแลนด์มีราคาต้นทุนดอกละ 60 บาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่ราคาขายปลีกดอกละ 300 บาท หรือมีราคาสูงขึ้นประมาณ 5 เท่า

ส่วนการจัดจำหน่ายดอกกุหลาบของมิสลิลลี่ในปีนี้คาดว่าจะมียอดขาย 800-900 ช่อ ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมียอดการสั่งซื้อเฉลี่ย 3,500 บาทต่อคน ด้านกลยุทธ์การทำตลาดหากลูกค้าสั่งซื้อดอกไม้ล่วงหน้าจะได้รับส่วนลดประมาณ 25% เหลือราคาดอกละ 300 บาท จากปกติดอกละ 400 บาท พร้อมกันนี้ได้จัดโปรโมชั่นขายคู่ ได้แก่ ดอกไม้และช็อกโกแลตในราคาพิเศษด้วย ถือเป็นอีกทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างโอกาสในการขายให้กับบริษัท
ด้านนางอิง ภาสกรนที รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กินกับตัน จำกัด ผู้บริหารร้าน "เมลท มี" กล่าวว่า เทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ ร้านได้เสริมช่องทางการส่งสินค้าผ่านออนไลน์ โดยเปิดให้สั่งซื้อสินค้าผ่านทางช่องทาง www.melt-me.com/buyme ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแค็ตตาล็อกสินค้าออนไลน์ในการสื่อสารกับลูกค้า การซื้อขายผ่านทาง Line Gift Shop ที่ลูกค้าสามารถซื้อและส่งให้กับผู้รับได้ ด้วยการส่ง E-coupon ให้กับผู้รับนำไปรับสินค้าได้ที่ร้านเมลท มี ทุกสาขา

ล่าสุด เมลท มี ได้จับมือกับ Grab Bike และ Uber EATS ให้บริการส่งสินค้าด่วน ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีจุดเด่นคือสามารถติดตามสถานะการสั่งซื้อได้ตั้งแต่ต้นทางจนสินค้าถึงมือ ขณะเดียวกันยังมีการออกรับโปรโมชั่นพิเศษมากมาย อาทิ Buy 1 get 1 Valentine Lollipop โดยคาดว่าจากการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งหมดจะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้นประมาณ 10%

"นอกจากการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายแล้วบริษัทยังได้พัฒนาช็อกโกแลตในหลากหลายรูปแบบ ที่มาพร้อมกับแพ็กเกจจิ้งดีไซน์ที่สวยงามและมีคุณค่าออกมารองรับความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย เรามองว่าทั้งคุณภาพและรูปลักษณ์คือองค์ประกอบของสินค้าของขวัญที่แสดงถึงความรู้สึก เป็นแมสเสจที่ลูกค้าเจาะจงส่งถึงคนรัก หรือเพื่อนสนิทในเทศกาลวาเลนไทน์ Real Love ภายในกล่องรูปทรงสมุดไดอารี่ จึงหมายถึงการบันทึกเรื่องราวการเดินทางของคนรักที่ส่งมอบให้กันและกัน"

โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และหอการค้าไทย ได้ทำการสำรวจความเห็นของประชาชนกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 1,163 คนในช่วง 28 มกราคมถึง 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยประเมินว่าในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี้จะมีเงินสะพัดกว่า 3,707 ล้านบาท คนส่วนใหญ่ใช้จ่ายเฉลี่ย 2,262.57 บาท และคนส่วนใหญ่คาดหวังจะได้รับดอกไม้จากคู่รักถึง 67.5% ของขวัญ 37.9% ช็อกโกแลต 36.7% และการ์ด 19.9%

สำหรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าในปีนี้ เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา พบว่ามีผู้บริโภคจะซื้อสินค้าลดลงจำนวน18.8% ส่วน 26.6% ของผู้ตอบแบบสอบถามจะซื้อสินค้าจำนวนเพิ่มขึ้นและอีก 54.5% จะซื้อสินค้าในจำนวนเท่าเดิม ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 47.3% จะซื้อสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น อีก 13.9% ซื้อสินค้ามูลค่าลดลง และ 38.8% ซื้อสินค้าในราคาเท่าเดิม โดยดอกกุหลาบเป็นสินค้าที่คนส่วนใหญ่ 82.9% เลือกซื้อเป็นของขวัญมอบให้กับคนรัก ส่วนดอกลิวลิปมีจำนวน 8.0% ดอกลิลลี่มีคนซื้อ 3.5%ดอกคาร์เนชั่นมีคนซื้อ 4.2% และดอกรักมีคนซื้อ 1.1%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,235 วันที่ 12 - 15 กุมภาพันธ์ 2560