เอ็มจีมุ่งสู่ท็อป 5 เสริมทัพรถตู้ เอสยูวีเล็ก ปิกอัพ

11 ก.พ. 2560 | 08:00 น.
นับตั้งแต่แจ้งเกิดในตลาดรถยนต์บ้านเราในปี 2557 จวบจนปัจจุบันชื่อของ “เอ็มจี”ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คนไทยเราได้ทำความรู้จักและเริ่มให้การตอบรับที่เพิ่มขึ้น ดังจะเห็นจากตัวเลขการขาย โดยปีแรกที่เข้ามา จากจุดเริ่มต้นจำนวน 200 คัน พอมาปีที่ 2 ทำยอดขายได้ 3,779 คัน และปีที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นปีที่ 3 สามารถทำยอดขายได้ 8,319 คัน

ส่วนปีที่ 4 ของการดำเนินงานในตลาดประเทศไทยจะเป็นอย่างไร จะทำยอดขายได้เท่าไร วันนี้ฐานเศรษฐกิจมีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษ คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่จะมาบอกเล่าให้ฟังถึงกลยุทธ์ - แผนงานในปีนี้ รวมไปถึงทิศทางในอนาคต เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

 เอ็มจีในช่วงที่ผ่านมา

เรามีประชากรเอ็มจีที่อยู่บนท้องถนนกว่า 1.2 หมื่นคัน และผลงานในช่วง 2 ปีเศษถือว่าเป็นน้องใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุด โดยขยับจากอันดับ 14 ขึ้นมาในอันดับที่ 12 และมีรถธงคือเอ็มจี 3 ที่ครองสัดส่วนการขายกว่า 70% ของยอดทั้งหมด ส่วนการบริการหลังการขายเรามีการวางรากฐานเพื่อจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ดังจะเห็นจากโปรแกรม“แพสชั่น เซอร์วิส”มอบบริการอาทิ รับประกันนานกว่า 4 ปี 1.2 แสนกิโลเมตร , รถสำรองใช้ระหว่างซ่อม และเรายังมีศูนย์ MG Driving Experience Centre บนถนนศรีนครินทร์ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับสมรรถนะ การขับขี่ นอกจากนั้นแล้วเรายังมีคลังอะไหล่ของตนเองเพื่ออำนวยความสะดวกในการซัพพลายอะไหล่ให้กับลูกค้าอย่างทันท่วงที

MP36-3234-4   เป้าหมายการขาย

ภายในปี 2563 เราต้องการที่จะก้าวไปติด 1 ใน 5 ของผู้ผลิตรถยนต์ในไทย ส่วนเป้าหมายการขายในปีนี้ตั้งไว้ที่ 2 หมื่นคัน เพราะมั่นใจว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจจะเติบโต –การส่งออกจะดีขึ้น - ราคาสินค้าทางการเกษตรก็จะปรับตัวดีกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยทั้งหมดจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์เติบโตตามและมียอดขายเกิน 8 แสนคันอย่างแน่นอน

 รถใหม่ 2 รุ่นในปีนี้

ในปีนี้มีแผนที่จะเพิ่มรถรุ่นใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ รถตู้ ขนาด 11 ที่นั่ง เจาะกลุ่มเอ็มพีวี โดยจะนำเข้ามาจากจีน และกำลังศึกษาเรื่องราคาที่จะจัดจำหน่าย แต่เบื้องต้นคาดว่า บริษัทแม่จะสนับสนุนเพื่อให้ได้เปรียบในการขาย และอีกหนึ่งรุ่นคือ รถเอนกประสงค์ เอสยูวีขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้จำนวนรุ่นรถที่จำหน่ายในปีนี้มี 6 รุ่น

 เดินหน้าขยายเครือข่าย

ในปีที่ผ่านมามีจำนวนเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการจำนวน60 แห่ง และในปีนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มให้เป็น 90 แห่ง ซึ่งถือว่าครอบคลุมพื้นที่ในประเทศไทยกว่า 80 % และเป้าหมายต่อไปในอนาคตจะเพิ่มเป็น 120 แห่ง นอกจากนั้นแล้วบริษัทแม่จะเพิ่มจำนวนรถโมบายเซอร์วิส ที่แต่เดิมมี 10 คัน ก็จะเพิ่มเป็น 30 กว่าคัน

 แผนงานสำหรับรถมือ2

ปีนี้จะเพิ่มเครือข่ายสำหรับรถมือสองเป็น 5 แห่ง จากเดิมที่มี 2 แห่ง ซึ่งแผนงานในส่วนนี้จะค่อยเป็นค่อยไป เพราะเรายังใหม่กับตลาด จำนวนรถเรายังถือว่าน้อย อย่างไรก็ดีการทำแผนกรถมือสองถือว่าจำเป็นเพราะเราต้องการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องราคาขายต่อที่ไม่บิดเบือนเกินกว่าความเป็นจริง

ความคืบหน้าโรงงานใหม่

ปัจจุบันมีโรงงานประกอบรถยนต์ที่เช่าอยู่บนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอิสเทิร์นซีบอร์ด มีกำลังการผลิตสูงสุด 4 – 5 หมื่นคัน แต่ผลิตจริงประมาณ 1- 2 หมื่นคัน และยังไม่ได้เริ่มส่งออก และในปีที่ผ่านมาได้ประกาศลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่มีกำลังการผลิตกว่า 1 แสนคันต่อปีในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 2 ซึ่งโรงงานใหม่สามารถรองรับการผลิตรถได้ทุกรุ่นทุกโมเดล เป็นโรงงานแบบครบวงจร แตกต่างจากโรงงานเดิมที่เป็นเพียงโรงประกอบ โดยคาดว่าหากโรงงานใหม่แล้วเสร็จจะมีการพิจารณาว่าจะเช่าโรงงานเดิมต่อหรือไม่ ส่วนโมเดลที่คาดว่าจะเห็นหลังจากโรงงานใหม่เริ่มคือรถปิกอัพ

 แผน 3 – 5ปีของเอ็มจี

สำหรับอีโคคาร์ 2 ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ถือว่ายังอยู่ในแผนงานที่เราวางไว้ อย่างไรก็ตามทิศทางของโลกที่กำลังมุ่งไปสู่รถไฟฟ้า ก็เป็นอีกหนึ่งกระแสที่ต้องจับตามอง เพราะหากไทยช้าก็อาจจะสูญเสียการแข่งขันให้กับประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังมีความสนใจ ดังนั้นหากไทยเริ่มมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับรถไฟฟ้าเราก็พร้อมที่จะศึกษาและเกาะขบวนไปด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,234 วันที่ 9 - 11 กุมภาพันธ์ 2560