กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ : คีย์ซักเซสผู้นำ...ขยัน อดทน และพัฒนาตัวเอง

11 ก.พ. 2560 | 01:00 น.
เคยมีคำถามในใจกันหรือเปล่าว่า ราคาทองที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ทุกวันนี้ มันขึ้นอยู่กับอะไร ใครเป็นคนกำหนด หากคุณไม่ใช่คนเล่นหุ้น หรือค้าทอง จะรู้กันหรือเปล่า "น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ"ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุกฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าทองคำ คนนี้ เคยตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเองมาแล้ว เมื่อหลายสิบปีก่อน และตั้งแต่วันนั้น เขาก็เดินหน้าศึกษาหาความรู้มาเรื่อยๆ จนในที่สุด เขาก็กลายเป็นผู้เชี่ยว และเป็นผู้ค้าทองคำแนวหน้าของประเทศไทย

"คุณหมอ" บอกว่า กระบะทองที่เขายกขึ้นยกลงทุกวัน มันจะทำเงินได้อย่างไร ทำไมทองขึ้น ทำไมทองลง ต้องศึกษาไปเรื่อยๆ จนตอนนี้รู้แล้วว่า ทองไปผูกกับดอลลาร์ ผูกกับเรื่องของเศรษฐกิจ หลังจากนั้นนำมาวิเคราะห์ ก็จะรู้วิธีทำกำไรจากทองคำที่ยกเข้ายกออกทุกวันได้อย่างไร

แต่การวิเคราะห์ได้อย่างเดียว คงไม่ทำให้ธุรกิจครอบครัวงอกเงยเป็นพันล้านหมื่นล้านได้ หากไม่มี Mission (หน้าที่) และ Passion (ความชอบ)

ผู้นำท่านนี้ ให้ความสำคัญกับเรื่องของการเรียนรู้ และการพัฒนา ผนวกเข้ากับความมุ่งมั่น และอดทน เพื่อสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้วันนี้ "ห้างทองแม่ทองสุก" เดินหน้ามาเรื่อยๆ จากการเป็น ร้านทองตู้แดง ซื้อขายทองรูปพรรณ มาจนซื้อขายทองคำแท่ง และขยายเข้าสู่การเป็นผู้ลงทุนผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ และซื้อขายผ่านระบบโกลด์ฟิวเจอร์ต่างๆ ตอนนี้ เราสามารถซื้อทองเก่านำมาสกัดใหม่เป็นทองบริสุทธิ์ ผลิตทองรูปพรรณ และทองคำแท่ง 99.99 เพื่อส่งเข้าสู่ตลาดโลกได้

"การค้าทองคำแท่ง สำคัญมากที่สุด คือ รักษาคุณภาพมาตรฐาน แล้วก็ต้องคำนึงถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เราถึงจะทำธุรกิจอย่างยั่งยืนได้ ซึ่งตัวแม่ทองสุก ในกลุ่ม MTS Gold ก็น่าจะสามารถเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ ในอีก 2 ปีข้างหน้า"...นั่นคือเป้าหมายที่ "คุณหมอ" ตั้งไว้

คุณสมบัติของแม่ทองสุก คือผู้ค้าทองคำ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำนี้อย่างจริงจังและครบวงจร ไม่วาจะเป็นการซื้อขายทองคำ ซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ ซื้อขายทองคำแท่ง ขายผ่านระบบออนไลน์ และระบบโกลด์ฟิวเจอร์

จากความพยายามและมองเห็นโอกาสในตลาด ตั้งแต่ในยุคที่คนยังไม่รู้จักระบบออนไลน์ จนทุกวันนี้ คนรู้จักและเชื่อใจในระบบการซื้อขายออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ผู้บุกเบิกอย่างแม่ทองสุก สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด...เราเป็นรายแรกที่เข้ามาทำซื้อขายทองคำผ่านออนไลน์ เมื่อปี 2545 แรกๆ ลูกค้าไม่เยอะ แต่เมื่อคนเริ่มเข้าใจ เกิดความเชื่อถือ ตลาดก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ปริมาณการซื้อขายทองคำของแม่ทองสุก เติบโตจาก 5 พันล้าน มาเป็น หมื่นล้าน และเป็นแสนล้าน ด้วยเวลาเพียง 5 ปี สาเหตุเป็นเพราะผู้นำของห้างแม่ทองสุกในวันนั้น รู้จักปรับตัว และลงมือทำ ต้องยอมรับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง

"คุณหมอ" วางกรอบนโยบายในการทำงาน ให้ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ เพราะสินค้าทองคำ เป็นสินค้าที่ทุกคนพร้อมขโมย ฉะนั้น ต้องป้องกันความเสี่ยง และการทุจริต ถ้าทำธุรกิจไม่รู้ความเสี่ยงอยู่ที่ไหน รู้แล้วไม่ป้องกัน ก็ไม่ได้ แบบนั้นไม่ยั่งยืน

ในวันนี้ของแม่ทองสุก หรือ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ฯ ยังคงเดินหน้าต่อ ตามเป้าหมายที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในอีก 2 ปีข้างหน้า และอีก 3 ปีหลังจากนั้น ก็นำร้านทองตู้แดง เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ตาม ซึ่งนั่นคือการก้าวขึ้นสู่เป้าหมายสูงสุด เพื่อการสร้างให้กลุ่มบริษัทเอ็ม ทีเอสโกดล์ แม่ทองสุกฯ กลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับการยอมรับ และมีส่วนแบ่งสูงสุดในประเทศไทย พร้อมทั้งขยายไปสู่ตลาดซีแอลเอ็มวี โดยขณะนี้ เอ็มทีเอสโกลด์ มีส่วนแบ่งในตลาดทองคำแท่งประมาณ 30% และส่วนของเทรดดิ้ง มีส่วนแบ่งตลาดไม่น้อยกว่า 40%

"คุณหมอ" ย้ำว่า ความสำเร็จที่มีในวันนี้ อยู่ที่ความขยัน อดทน และการพัฒนาตัวเอง จากการศึกษาที่จบมาทางด้านแพทย์ไม่ใช่อุปสรรค กับการเข้ามาบริหารธุรกิจร้านทอง หากมีความมุ่งมั่นอดทน ความรู้ทางการแพทย์ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ มาเรียนเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ ที่เราไม่มีความรู้ได้ เวลาทำธุรกิจ คิดอยู่เสมอว่า...เราทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อผลที่ดีในอีก 1 เดือนข้างหน้า และเราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน

"ผมเป็นเถ้าแก่ร้านทองคนเดียว ที่ใช้วิธีกู้เงินธนาคารมาลงทุน เราเชื่อว่าเราสามารถทำธุรกิจ และสามารถหาเงินมาคืนให้กับแบงก์ได้ มันคือความท้าทาย ที่ทำให้เรามุ่งมั่น ผมออกมาเรียนเพิ่มเยอะแยะ คอร์สการทำธุรกิจ การมีลูกน้อย ต้องเข้าใจลูกน้อง ต้องมีวิชัน มิสชัน ต้องมาเรียนเพื่อรู้ว่าสต๊อกเป็นไง บาลานซ์ชีสเป็นยังไง เราต้องเรียนรู้ทุกเรื่อง"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,234 วันที่ 9 - 11 กุมภาพันธ์ 2560