คาดปีนี้ซื้อขายโรงแรม2.2หมื่นล. สูงสุดในรอบ5ปี‘เจแอลแอล’เปิดรายชื่อ3แห่งประกาศขาย

10 ก.พ. 2560 | 07:00 น.
เจแอลแอล ประเมินการซื้อขายโรงแรมในไทยปีนี้มูลค่ากว่า 2.2 หมื่นล้านบาท จากดีลใหญ่ สวิส โฮเทลปาร์ค นายเลิศ ที่จะเสร็จสมบูรณ์ในปีนี้ ทั้งยังมีโรงแรมที่เป็นตัวแทนจัดหาผู้ซื้ออีก 3 แห่งทั้งที่พังงา กรุงเทพฯพัทยา พร้อมเผยในปี 2559 มีกว่า 10 โรงแรมเปลี่ยนมือ

ในปี 2559 ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรม (รวมถึงเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์) ในประเทศไทย มากกว่า 10 โรงแรมที่มีการเปลี่ยนมือ คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 9,600 ล้านบาท มูลค่าดังกล่าวลดลง 15% จากปีก่อนหน้า แต่สำหรับปี 2560 นี้ ยอดการซื้อขายโรงแรมในไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากการที่การเจรจาตกลงซื้อขายโรงแรมสวิสโฮเทล ปาร์ค นายเลิศ มูลค่า 1.08 หมืนล้านบาทจะเสร็จสมบูรณ์ในปีนี้

นายไมค์ แบทเชเลอร์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายขายภาคพื้นเอเชีย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของเจแอลแอล เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า เจแอลแอล ได้คาดการณ์สถานการณ์การซื้อขายโรงแรมในประเทศไทย ภายในปี 2560 คาดว่าจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาทโดยยกตัวอย่างโรงแรมที่เจแอลแอลกำลังเป็นตัวแทนในการจัดหาผู้ซื้อได้แก่ นาใต้บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา พังงา และโรงแรมของกลุ่มพรีเมียร์ อินน์ 2โรงแรม ประกอบด้วยโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างในซอยสุขุมวิท 11 และโรงแรมพรีเมียร์ อินน์ พัทยา

สาเหตุที่คาดว่าในปีนี้จะมีการลงทุนซื้อขายในไทยเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ การตกลงซื้อขายโรงแรมสวิสโฮเทล ปาร์คนายเลิศที่จะเสร็จสมบูรณ์ในปีนี้ การซื้อขายโรงแรมนี้เพียงรายการเดียวมีมูลค่าสูงถึง 1.08 หมื่นล้านบาท สูงกว่ามูลค่าการซื้อขายรวมทั้งหมดในปี 2559นอกจากนี้ ในปีนี้ยังมีการเสนอขายโรงแรมอื่นๆ อีก ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนทั้งของไทยและต่างชาติยังคงมีความต้องการสูงในการเข้าลงทุนซื้อโรงแรมในไทย
การซื้อโรงแรมในไทย จึงคาดว่าจะยังคงดำเนินการต่อในปีนี้ เนื่องจากมีนักลงทุนสถาบันจากประเทศเอเชียมากขึ้นที่กำลังมองโอกาสการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ของไทย โดยเน้นตลาดที่มีผลประกอบการดีและให้ผลตอบแทนการลงทุนในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งโรงแรมเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความสนใจเนื่องจากตลาดการท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาว

นายแบทเชเลอร์ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับในปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ เป็นตลาดโรงแรมที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในไทย โดยมีสัดส่วนราว 50% ของมูลค่าการลงทุนซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตัวอย่างการซื้อขายรายการสำคัญๆ ได้แก่ เอท ทองหล่อ (ส่วนของเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เดิมคือ แพน แปซิฟิก เซอร์วิส สวีท เปลี่ยนเป็นโรงแรมอาคิระ ทองหล่อในปัจจุบัน) โรงแรมลิเบอร์ตี้ การ์เดน และปาร์ค 24 คอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิทซึ่งจะเปลี่ยนเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ภายใต้การบริหารโดยแอสคอทท์

การลงทุนซื้อขายโรงแรมอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา กระจายตัวอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ได้แก่ พัทยา ภูเก็ต พังงา เกาะสมุย หัวหิน และเชียงราย ตลอดไปจนถึงศรีราชา ที่เป็นย่านอุตสาหกรรม และนครราชสีมา ซึ่งเป็นหัวเมืองหน้าด่านของอีสานซึ่งในปีที่ผ่านมา นักลงทุนไทยและต่างชาติที่เข้าซื้อโรงแรมในไทยมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยการลงทุนซื้อโดยนักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนคิดเป็น 45% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนประเภทสถาบันจากฮ่องกงและสิงคโปร์

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,234 วันที่ 9 - 11 กุมภาพันธ์ 2560