ไมเนอร์ โฮเทลส์ 5 ปีขยายโรงแรมในเครือ 250 แห่ง

04 ก.พ. 2560 | 04:00 น.
การขยับตัวของธุรกิจโรงแรมเชนระดับโลก ที่มีการทุ่มเงินไปซื้อแบรนด์โรงแรมต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา เพื่อขยายจำนวนโรงแรมในเครือ ไม่ใช่จะมีเฉพาะเชนต่างประเทศเท่านั้น เพราะบิ๊กธุรกิจโรงแรมชั้นนำของไทย อย่าง “ไมเนอร์ โฮเทลส์” ก็ใช้ช่องทางนี้ในการเข้าไปปักธงธุรกิจสำหรับตลาดใหม่ๆในต่างประเทศ และยังคงมองโอกาสที่จะขยายพอร์ตโรงแรมในมืออย่างต่อเนื่องในอีก 5 ปีนี้ อ่านได้จากสัมภาษณ์นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมเนอร์ โฮเทลส์

 คาด RevPAR ปีนี้โต 15%

นายราชากาเรียกล่าวสรุปภาพรวมธุรกิจไมเนอร์ โฮเทลส์ ในปี 2559 ว่ายังคงเป็นปีแห่งการเติบโตโดยไมเนอร์ได้ขยายพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการบรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการในโปรตุเกสด้วยการซื้อแบรนด์ใหม่คือ “ทิโวลี” (Tivoli) รวมไปถึงการควบรวมกิจการกับ ซัน โฮเทล อินเตอร์เนชั่นแนล และเอเลวานา ขณะเดียวกันก็เดินหน้าขยายในแง่ของการเซ็นสัญญาบริหารโรงแรมในตลาดใหม่ๆ พร้อมกับลงทุนด้านการปรับปรุงและตกแต่งโรงแรมใหม่บางแห่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นรากฐานที่พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวผลกำไรในปีนี้และปีต่อๆ ไป

อีกทั้งในปีนี้ เราได้เห็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างเป็นบวก จึงได้คาดหมายว่าปี 2560 จะเป็นปีที่แข็งแกร่งมากขึ้นสำหรับไมเนอร์เมื่อเทียบกับปี 2559 โดยในปี 2560 เราคาดการณ์ว่าRevnue Per Available Room : RevPAR จะเติบโตได้ในระดับประมาณ 15% จากผลของการลงทุนในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในธุรกิจโรงแรม และสูงกว่าในปีที่ผ่านมาซึ่งการเติบโตต่ำกว่า 10%

อย่างไรก็ตามสำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือสิ่งที่เราไม่รู้ เพราะปัจจัยอื่นๆ เราเตรียมตัวรับมือได้ อย่างเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน และอื่นๆ แต่สิ่งที่เราเตรียมรับมือไม่ได้คือปัจจัยที่เราไม่รู้ แต่หวังว่ามันจะไม่เป็นความท้าทายที่น่าหนักใจเกินไป เพราะที่ผ่านมาไทยนับว่าฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆขณะเดียวกันเราก็เตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนด้วยการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่หลากหลาย เพราะถ้าตลาดใดมีปัญหา ก็จะยังมีตลาดอื่นๆ ที่ยังเติบโตได้

 มุ่งรับบริหาร-ลงทุนเอง

ปัจจุบันไมเนอร์มีโรงแรมกว่า 155 แห่งใน 22 ประเทศ แต่ยังคงมองหาโอกาสขยายพอร์ตโฟลิโออยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในรูปของแบรนด์หรือโรงแรมใหม่ โดยหลังจากปีที่ผ่านมาไมเนอร์ทุ่มเงินลงทุนไปราว 300 ล้านยูโรในการซื้อกิจการแบรนด์ทิโวลี ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม 14 แห่งในยุโรปและอเมริกาใต้ ทำให้ไมเนอร์เข้าไปรุกตลาดในทวีปใหม่ทั้งสองทวีปเป็นครั้งแรก และใช้เงินลงทุนอีกราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับข้อตกลงในแอฟริกา และอีกราวๆ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใช้ไปกับการปรับปรุงตกแต่งโรงแรมใหม่ ปีนี้ก็คงจะยุ่งอยู่กับการปรับปรุงโรงแรมเหล่านั้นเพื่อยกระดับให้อยู่ในมาตรฐานที่ดี

ทั้งนี้ในทุกๆ ปีไมเนอร์จะกำหนดแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี โดยแผนล่าสุดที่ทำเมื่อปลายปีที่แล้ว ไมเนอร์ตั้งเป้าหมายว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มจำนวนโรงแรมเป็นประมาณ 250 แห่ง ซึ่งจำนวนนี้มีทั้งโรงแรมที่อยู่ในแผนอยู่แล้วของเรา อาทิ อวานี เขาหลัก ปี2561 จำนวน 327 ห้อง และโรงแรมใหม่ที่จะลงทุนเพิ่มด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับในปี 2560 มีโรงแรมที่ไมเนอร์ลงทุนเองที่จะเปิดใหม่ 3 แห่ง มีโรงแรมที่ได้รับสัญญาบริหารใหม่ 6 แห่ง และได้ทำข้อตกลงรับสิทธิ์การบริหารสินทรัพย์ (management letting rights)ภายใต้แบรนด์โอ๊คส์ 3 แห่ง

ส่วนยุทธศาสตร์การขยายแบรนด์จะให้ความสำคัญทั้งการลงทุนเองและการรับบริหารเหมือนเช่นที่ผ่านมาสัดส่วนของโรงแรมที่ลงทุนเองและรับบริหารจะอยู่ประมาณครึ่งต่อครึ่ง (ลงทุนเอง 40 แห่ง ร่วมลงทุน 28 แห่ง รับบริหาร 36 แห่ง และรับสิทธิ์ในการบริหารสินทรัพย์ 51 แห่ง) ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมว่าตลาดไหนควรเข้าไปทำธุรกิจแบบใด เช่นเดียวกับการเลือกแบรนด์ว่าแบรนด์ใดเหมาะสมที่จะเข้าไปเปิดในที่ใด ไม่ได้มีการกำหดว่าปีนี้เราจะโฟกัสไปที่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเป็นพิเศษ

 โฟกัสเซ็กเมนต์หรู

สำหรับประเทศไทย ก็ยังนับเป็นจุดหมายปลายทางที่แข็งแกร่งในด้านการท่องเที่ยวจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี มองว่าไทยมีพื้นที่ให้กับทุกแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นอนันตรา อาวานีโอ๊คส์ และอื่นๆ แต่สิ่งที่เราไม่อยากทำคือ เราไม่อยากให้มีโรงแรมแบรนด์เดียวกันมากเกินไปในที่หนึ่งๆ เช่น ในสมุยมีอนันตรา 4 แห่งแล้ว ก็ไม่ควรต้องเพิ่มอีก แต่เราก็สามารถขยายอาวานีซึ่งอยู่ในเซกเมนต์ที่ต่ำลงมาระดับหนึ่งได้ เป็นต้น นั่นคือวิธีการคิดของเรา

ส่วนภาพรวมธุรกิจโรงแรมในไทย แม้ว่าเชนโรงแรมใหญ่หลายรายได้รุกเข้าสู่ตลาดโรงแรมราคาประหยัดกันมากขึ้น แต่เวลานี้ไมเนอร์ยังไม่มีแผนจะเข้าไปในเซกเมนต์ดังกล่าว โรงแรมราคาประหยัดมีรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างจากโรงแรมระดับบนโดยสิ้นเชิง ในระดับบนเราไม่สามารถมีโรงแรม 500-600 ห้องเพราะมันจะไม่ให้ความรู้สึกหรูอีกต่อไป เราเน้นไปที่คุณภาพของแขกที่จ่ายค่าห้องในราคาแพง แต่โรงแรมราคาประหยัดจะตรงกันข้าม

ขณะที่แนวโน้มการท่องเที่ยวไทยจนถึงขณะนี้ดูค่อนข้างบวกตลาดหลัก เช่น จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง จะเห็นได้ถึงความต้องการที่มีเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่จะต้องสร้างเสถียรภาพคือตลาดไมซ์ ซึ่งจะเติบโตได้ต้องมีเสถียรภาพอย่างน้อย 1 ปีโดยไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ตลาดไมซ์ก็จะกลับมา

ส่วนการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ ไมเนอร์ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากเราอยู่ในระดับไฮเอนด์ ผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดอยู่ในเซกเมนต์ระดับล่าง แต่มองว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งหมดกว่าพันล้านคนที่เดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศ เดียวกันเมื่อเรามองตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้าพักโรงแรมในเครือไมเนอร์ ก็ถือว่ายังเพิ่มมากขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,232 วันที่ 2 - 4 กุมภาพันธ์ 2560