5 สินค้าเมินทรัมป์ มั่นใจ ‘ส่งออก’ พุ่ง

24 ม.ค. 2560 | 10:00 น.
สินค้าไทยไม่หวั่นทรัมป์กีดกันการค้า 5 กลุ่มใหญ่ยันยังมีโอกาสขยายส่งออกสหรัฐฯเพิ่มขึ้นในปีนี้ทั้ง อัญมณี รถยนต์ผลิตภัณฑ์ยาง ทูน่ากระป๋องเครื่องนุ่งห่ม ชี้สหรัฐฯจำเป็นต้องนำเข้า

ทั่วโลกที่ค้าขายกับสหรัฐฯ ได้สั่งจับตาใกล้ชิดกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ส่งสัญญาณกีดกันการค้าอย่างชัดเจน ส่วนของไทยตรวจพบสินค้าส่งออกในกลุ่ม20 อันดับแรกที่ส่งไปสหรัฐฯ ยังมีโอกาสการส่งออกเพิ่ม

นายสุทธิพงษ์ดำรงค์สกุล นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ในฐานะเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ของโลก มองโอกาสการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯในปีนี้ได้เพิ่ม หากทรัมป์สามารถผลักดันเศรษฐกิจของสหรัฐฯให้ขยายตัวได้ดีขึ้น จะส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ และกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ รวมทั้งสินค้าอัญมณีฯซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้น

"สินค้าอัญมณีไทยไม่กังวลสหรัฐฯจะกีดกันการค้า เพราะอีกด้านหนึ่งในสหรัฐอเมริกาแทบไม่มีการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศ เพราะต้นทุนการผลิตสูงมาก ส่วนใหญ่ต้องนำเข้า หากจะขึ้นภาษีก็ต้องขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก จึงไม่กังวล และคาดการส่งออกอัญมณีฯของไทยไปสหรัฐฯปีนี้จะขยายตัวเป็นบวกแน่นอน"

รถอีโคคาร์ไทยยังไปได้

เช่นเดียวกับนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ที่กล่าวว่า ไม่กังวลเช่นกัน เพราะรถยนต์ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นรถอีโคคาร์ซึ่งเป็นรถขนาดเล็ก ประหยัดพลังงาน และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ราคาไม่สูง สหรัฐฯไม่ผลิตรถอีโคคาร์เพราะต้นทุนสูงกว่าการนำเข้า ดังนั้นจึงยังคาดกว่าสหรัฐฯจะยังนำเข้ารถจากไทยอย่างต่อ ที่ผ่านมาสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกรถยนต์ไทยสัดส่วนเพียง 2% ของภาพรวม หากเกิดอะไรขึ้นคงไม่กระทบมาก สามารถหาตลาดอื่นทดแทนได้ ทั้งนี้ในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ทรัมป์ส่งสัญญาณขึ้นภาษี คงเพื่อต้องการเบรกไม่ให้ค่ายรถยนต์ทั้งของสหรัฐฯ ค่ายญี่ปุ่นและอื่นๆ ที่ไปลงทุนในเม็กซิโกและส่งเข้าไปขายในสหรัฐฯ ทำให้การจ้างงานในสหรัฐฯลดลงมากกว่า

 ยางรถยนต์ยังขยายตัว

ขณะที่แหล่งข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง กล่าวว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯในยุคทรัมป์ขยายตัว การซื้อหารถยนต์ของชาวอเมริกันก็จะเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลดีต่อการส่งออกยางล้อรถยนต์จากไทยไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้น แต่ที่ห่วงคือขณะนี้มีการลงทุนผลิตยางล้อรถยนต์จากผู้ประกอบการของจีนในไทย หากส่งเข้าไปขายในสหรัฐฯในราคาทุ่มตลาด สินค้ายางรถยนต์ในภาพรวมของประเทศไทยอาจถูกสหรัฐฯขึ้นภาษีตอบโตการทุ่มตลาด(เอดี) เหมือนที่สินค้ายางรถยนต์ที่ผลิตในจีนโดนมาแล้วก่อนหน้านี้ ทุกฝ่ายของไทยต้องช่วยกันระวังในเรื่องดังกล่าวเป็นพิเศษ

 ทูน่ายังจำเป็นต้องบริโภค

ด้านนายอมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มซีแวลู ผู้ผลิตและส่งออกทูน่ากระป๋องรายใหญ่มีตลาดหลักที่สหรัฐฯสัดส่วน 20% กล่าวว่า แม้จะมีความกังวลระดับหนึ่งต่อแนวโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ ขณะที่สหรัฐฯมีระบบถ่วงดุลอำนาจมีสภาบน สภาล่าง จึงมองว่าทรัมป์คงทำอะไรไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ตามที่ประกาศไว้ ขณะที่สินค้าทูน่ากระป๋องเป็นอาหารพื้นฐานจำเป็น คาดสหรัฐจะยังต้องนำเข้าต่อเนื่อง

"ซีแวลูมีบริษัทพันธมิตรในสหรัฐฯคือบริษัทรูบิคอน ที่ผู้บริหารของเราได้เข้าไปถือหุ้น หากมีอะไรเกิดขึ้นเราคงแก้เกมได้ รวมถึงเพิ่มการส่งออกไปตลาดอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง"

เช่นเดียวกับนายวัลลภ วิตนากร ที่ปรึกษาสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยที่กล่าวว่า จากที่เวลานี้สหรัฐฯไม่มีโรงงานผลิตเครื่องนุ่งห่ม(การ์เมนต์)ในประเทศ เพราะขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนการผลิตสูง การดึงอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มกลับไปผลิต และสร้างงานในสหรัฐฯ คงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นการส่งออกเครื่องนุ่งห่มจากไทยไปสหรัฐฯ คาดจะยังเติบโตแม้จะในอัตราที่ชะลอตัวลงจากการแข่งขันที่รุนแรงก็ตาม

ครม.ทรัมป์รอคัดกรอง

ด้านปฏิกิริยาในสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้ นายฌอนสไปเซอร์ โฆษกของทรัมป์เคยแถลงข่าวไว้ว่า หลังทรัมป์เข้าพิธีสาบานตนในวันศุกร์ (20 ม.ค.) แล้ว ก็จะเริ่มปฏิบัติภารกิจประธานาธิบดี 4-5 อย่างในวันนั้นเลย แต่ต่อมาทรัมป์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยตัวเองว่า จะเริ่มการทำงานในวันจันทร์ที่ 23 มกราคม "วันแรกของการทำงาน (day one) จะเริ่มในวันจันทร์เพราะผมไม่อยากเซ็นเอกสาร แล้วก็เฉลิมฉลองไปด้วย เดี๋ยวมันจะปนเปกัน"

ส่วนคณะรัฐมนตรีของทรัมป์และผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานสำคัญๆ เช่น อัยการสูงสุด ผู้อำนวยการซีไอเอ ( หน่วยข่าวกรองแห่งชาติ) ที่ปรึกษาสภาความมั่นคง ที่ปรึกษาทำเนียบขาว ฯลฯ ยังคงอยู่ในกระบวนการคัดกรองโดยคณะกรรมาธิการในวุฒิสภาซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา หลายคนที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอชื่อให้เข้าร่วมคณะรัฐมนตรี ได้ถูกสัมภาษณ์โดยคณะกรรมาธิการในวุฒิสภาไปแล้ว เช่น นายจอห์น เคลลี่ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงภายในประเทศ นายเร็กซ์ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศ นายเจมส์แมททิส รัฐมนตรีกลาโหม นางอิเลน เชา รัฐมนตรีคมนาคม นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีพาณิชย์ นางเบตซี เดอวอส รัฐมนตรีศึกษาธิการ และนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีคลัง

กำหนดสัมภาษณ์เพื่อคัดกรองประวัติและคุณสมบัติของผู้ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอชื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานสำคัญๆนี้ ส่วนใหญ่จะลุล่วงแล้วเสร็จในวันที่ 24 มกราคม แต่อีกหลายคนหลายตำแหน่งก็ยังรอกำหนดนัดสัมภาษณ์ ซึ่งอาจจะใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์นับจากนี้ไป

 ตลาดรอฟังสุนทรพจน์

ตลาดการเงินทั่วโลกก่อนการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายทรัมป์ในวันศุกร์ (20 ม.ค.) อยู่ในภาวะที่ไม่คึกคักนัก เนื่องจากนักลงทุนอยู่ในความระมัดระวัง และรอฟังสุนทรพจน์ในการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายทรัมป์ ว่าจะมีสัญญาณใดๆ ที่บ่งบอกถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เข้ามากำหนดการเคลื่อนไหวของตลาดต่อไป

"ตลาดกำลังรอคอยหลักฐานที่ชัดเจนขึ้นว่าโดนัลด์ทรัมป์ จะออกนโยบายทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับนโยบายด้านการค้า โดยความเสี่ยงที่จะเกิดการสงครามการค้าตอบโต้กันระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีสูง โดยเฉพาะถ้าทรัมป์กล่าวหาว่าจีนเป็นผู้แทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยน" นายเชน โอลิเวอร์ นักวิเคราะห์จากเอเอ็มพี แคปิตอลให้ความเห็น ขณะที่นายจอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีและนักลงทุนชื่อดัง มองว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นอย่างคึกคักหลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งด้วยความคาดหวังว่านายทรัมป์จะปรับแก้กฎหมายและลดภาษี จะค่อยๆแผ่วลงเมื่อนายทรัมป์ขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และหลังจากนี้นักลงทุนจะเผชิญกับความไม่แน่นอนเรื่องนโยบาย เนื่องจากทรัมป์ต้องต่อสู้กับสภาคองเกรส

ด้านจีน ซึ่งตกเป็นเป้าหมายถูกนายทรัมป์โจมตีอย่างต่อเนื่อง ได้แสดงท่าทีที่ต้องการจะผูกมิตรกับสหรัฐฯ โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นมิตรและหุ้นส่วนกัน แทนที่จะเป็นคู่ต่อสู้หรือศัตรู ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่าทางการจีนได้สั่งการให้สื่อในประเทศลดความรุนแรงในการวิพากษ์วิจารณ์การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายทรัมป์ และให้ตีพิมพ์ได้เพียงรายงานจากทางการเท่านั้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,229 วันที่ 22 - 25 มกราคม 2560