กรม สบส.คลอด พ.ร.บ.สถานพยาบาลฉบับใหม่“เพิ่มโทษหนักขึ้น”คลินิกเถื่อน

22 ม.ค. 2560 | 11:24 น.
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ คลอดพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2559 มีผลบังคับใช้ 21 ธันวาคม 2559 ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมยกระดั บระบบบริการสุขภาพ สร้างคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัย ทั้งการคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยโรคติดต่ออันตราย โรคระบาด และผู้บาดเจ็บฉุกเฉินจากอุบัติ เหตุให้ได้รับการรักษาอย่างทั นท่วงที พร้อมเพิ่มโทษผู้ลักลอบเปิ ดสถานพยาบาลแรงขึ้น จากจำคุก 3 ปี เป็น 5 ปี และปรับจาก 6 หมื่นบาทเป็น 1 แสนบาท

นายแพทย์วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าในการพั ฒนากฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริ โภคด้านระบบบริการสุขภาพว่า ขณะนี้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่ อวันที่ 20 ธันวาคม 2559 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2559  เป็นต้นมา  เจตนารมณ์กฎหมายฉบับนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐาน ความปลอดภัยของระบบบริการสุ ขภาพครอบคลุมสถานพยาบาลทั้ งภาครัฐและเอกชน  และเปิดกว้างให้ทุกภาคส่ วนในระบบสุขภาพทั้งภาครัฐ และเอกชน เข้าร่วมเป็น “คณะกรรมการสถานพยาบาล” โดยเพิ่มอธิบดีทุกกรมในสังกั ดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนสถาบันรับรองคุ ณภาพสถานพยาบาล เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และมีผู้ทรงคุณวุฒิ จากสภาวิชาชีพแต่ละสาขา ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ผู้แทนสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และผู้แทนจากองค์กรเอกชนที่ ดำเนินกิจกรรมทางด้านคุ้มครองผู้ บริโภค เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ ประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นต่อคุ ณภาพการบริ การของสถานพยาบาลในประเทศไทย

นายแพทย์วิศิษฎ์  กล่าวว่า ตามกฎหมายฉบับนี้ นอกจากจะกำหนดให้สถานพยาบาลทุ กแห่งต้องแสดงชื่อ รายการผู้ประกอบวิชาชีพ อัตราค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบริการอื่นแล้ว ยังต้องแสดงค่ายา-เวชภัณฑ์ และห้ามเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกิ นอัตราที่แสดง และมีการเพิ่มหลักเกณฑ์การดำเนิ นการของสถานพยาบาลสำหรับผู้ป่ วยที่ต้องได้รับการรั กษาพยาบาลฉุกเฉิน ตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิ น รวมทั้งโรคติดต่ออันตราย โรคที่ต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดตามกฎหมายว่าด้ วยโรคติดต่อ และสาธารณภัยตามกฎหมายว่าด้ วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยได้รับการรั กษาอย่างทันท่วงที และไม่แพร่กระจายเชื้อส่งผลต่ อประสิทธิภาพระบบการควบคุ มโรคของประเทศ โดยกรม สบส. ได้แจ้งเวียนให้สำนั กงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ อปฏิบัติเป็นแนวเดียวกัน
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนั กสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิ ลปะ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ยังได้ปรับปรุงเงื่ อนไขการอนุ ญาตการโฆษณาสถานพยาบาลให้รัดกุ มขึ้น โดยกำหนดให้การโฆษณาทุกชนิดในเข ตกรุงเทพมหานคร จะต้องขออนุญาตจากกรม สบส. และในส่วนภูมิภาค ให้ขออนุญาตที่สำนักงานสาธารณสุ ขจังหวัด และได้เพิ่มโทษการโฆษณาโอ้ อวดให้หนักขึ้นจากเดิมซึ่งมีแค่ โทษปรับอย่างเดียว แต่กฎหมายฉบับนี้เพิ่มโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาทจนกว่าจะระงับการโฆษณา ในกรณีที่ลักลอบโฆษณา มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาทและให้ปรับอีกวันละไม่ เกิน 1 หมื่นบาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา กรณีโฆษณาที่มีการเผยแพร่ก่ อนกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ให้ดำเนินการขออนุญาตกับกรม สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวั ดในพื้นที่ ภายใน 90 วัน หลังจากประกาศที่ออกตามมาตรา 38 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดย พ.ร.บ.ฉบับนี้ใช้บังคับ และเมื่อยื่นขออนุญาตแล้วอนุ โลมให้โฆษณาต่อไปได้จนกว่าจะได้ รับแจ้งผลการพิจารณา
สำหรับบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืน  ได้เพิ่มโทษหนักขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องปรามการกระทำผิด เช่น การลักลอบเปิดสถานพยาบาลโดยมิ ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกจากเดิมไม่เกิน 3 ปี เพิ่มเป็น 5 ปี หรือปรับเพิ่มจากเดิมไม่เกิน 6 หมื่นบาท เป็น 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีการเก็บค่ารักษาพยาบาล ยา และเวชภัณฑ์เกินกว่าที่แสดงไว้ ที่ป้าย ก็มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากเดิมมีโทษปรับอย่างเดียวไม่ เกิน 2 หมื่นบาท

นอกจากนี้ กฎหมายยังครอบคลุมโทษถึงผู้ กระทำความผิดที่เป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดนั้นเกิ ดจากการสั่งการหรื อการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลที่รับผิดชอบการดำเนิ นงานของนิติบุคคล จนเป็นเหตุให้เกิดการกระทำผิด จะต้องร่วมรับผิดชอบในความผิดนั้ นด้วย