เสก โลโซ เดินหน้าปั้นแบรนด์ LOSO - D เครื่องดื่มชูกำลังน้องใหม่ของคนไทย

22 ม.ค. 2560 | 13:00 น.
การสร้างแบรนด์ให้ติดตาต้องใจผู้บริโภค และทำให้คนรู้จัก LOSO ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใช้ระยะเวลายาวนานมากว่า 20 ปี เสก-เสกสรรค์ ศุขพิมาย ร็อกเกอร์หัวใจโลโซ ได้โลดแล่นเข้าสู่เส้นทางดนตรีอาชีพ โดยการเริ่มเล่นดนตรีอาชีพตามผับ จนได้ออกอัลบั้มกับค่ายแกรมมี่ ครั้งแรกในปี 2539 ในชื่ออัลบั้มว่า "Lo Society" ในนามวง LOSO กับดนตรีแนวร็อกเนื้อหาฟังเข้าใจง่าย ถือได้ว่าเป็นศิลปินที่ขายฝีมือไม่ได้ขายหน้าตา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนเพลงขวัญใจขาร็อกทั่วประเทศเลยก็ว่าได้ หลังจากนั้นในปี 2546 เสกได้ประกาศหยุดพักวงโลโซ เพื่อไปเรียนภาษาและดนตรีเพิ่มเติมที่ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นกลับมารับโฆษณาเครื่องดื่มบำรุงกำลัง M-150 จนเป็นเครื่องดื่มฮิตติดตลาดในปัจจุบัน

[caption id="attachment_126069" align="aligncenter" width="228"]  เสก-เสกสรรค์ ศุขพิมาย เสก-เสกสรรค์ ศุขพิมาย[/caption]

และในวันนี้ เสก-เสกสรรค์ ศุขพิมาย ประธานกรรมการ บริษัท โลโซ โฮลดิ้ง จำกัด พร้อมแล้วที่จะลุยกับธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังน้องใหม่ของคนไทย อย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อแบรนด์ LOSO - D ด้วยประสบการณ์จากการทำการตลาดให้ทาง บริษัท โอสถสภา จำกัด ในสมัยนั้นจนเป็นที่โด่งดัง คือจุดประกายความคิดที่จะเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง ด้วยประสบการณ์ความสำเร็จที่ผ่านมาการสร้างแบรนด์ LOSO - D ให้เป็นที่รู้จักนั้นคงไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน เพราะคำว่า LOSO คือชื่อที่ติดหูของคนไทยมานานพอสมควร ส่วนคำว่า D ให้ความหมายที่ดี คือ คิดดี ทำดี นั้นเอง และเริ่มทำการตลาดจริงจังได้ประมาณ 7-8 เดือน โดยที่ผ่านมา นับว่าธุรกิจนี้ก็ยังคงดำเนินได้เรื่อยๆเป็นที่หน้าพอใจ ปัจจุบันมีวางจำหน่ายที่ร้านค้าทั่วไป เช่น เทรดดิชันนัลเทรดหรือยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว ร้านโชวห่วย ฯลฯ

เสก-เสกสรรค์ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มชูกำลังนับว่ามีการแข่งขันกันสูงมาก ส่วนรสชาติในแต่ละแบรนด์ ที่มีความคลายกัน และเครื่องดื่ม LOSO - D รสชาติก็ไม่ต่างจากแบรนด์อื่นๆในท้องตลาด แต่ปัญหาที่ยังติดอยู่ในขณะนี้ คือการกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภค แต่สิ่งที่เราได้เปรียบคือ การที่เราได้นำเครื่องดื่ม LOSO - D ไปทำการตลาดพร้อมกับการแสดงคอนเสิร์ตของวง LOSO เพื่อให้เป็นที่รู้จักและติดตามากขึ้น รวมทั้งร่วมสนับสนุนรายการมวยในเวทีต่างๆ และในอนาคตจะเดินหน้าธุรกิจไปพร้อมกับการทำ CSR การช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการกีฬา การรณรงค์การต่อต้านยาเสพติด ช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงในรูปแบบต่างๆ และอีก 5 ปีข้างหน้าวางแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯอย่างแน่นอน เพราะธุรกิจต้องทำอย่างจริงจังละทุ่มเททั้งใจจึงจะได้มาซึ่งความสำเร็จ และพร้อมรับคำติชมเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราในอนาคต

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,229 วันที่ 22 - 25 มกราคม 2560