SSI ลั่นได้ฤกษ์เดินหน้าผลิต ดีเดย์ 23 ม.ค.หลังเครื่องจักรไม่โดนน้ำท่วม

22 ม.ค. 2560 | 09:00 น.
“เอสเอสไอ” ยันเครื่องจักรไม่กระทบนํ้าท่วมพร้อมเดินเครื่องได้ 23 ม.ค.นี้ ระดมช่วยพนักงาน 300 คนฟื้นฟูบ้านก่อน เผยลูกค้ากว่า 50 รายทั่วประเทศไม่กระทบ ปี 60 เดินแผนผลิตสูงกว่าปีที่ผ่านมา 60% “อนุทิน” ลั่นงบลงทุนภาครัฐจะจุดติดเครื่องยนต์เศรษฐกิจได้แน่นอน

นายนาวา จันทนสุรคน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายธุรกิจ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอสไอ เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า เครื่องจักรสำหรับใช้ในการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนในโรงงาน ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา โดยในวันที่ 23 มกราคม 2560 จะกลับมาเดินเครื่องจักรได้ตามปกติ หลังจากที่หยุดการผลิตชั่วคราวมาตั้งแต่วันที่10มกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากเฝ้าดูสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบางสะพาน อีกทั้งมีบ้านเรือนของพนักงานบริษัทจำนวน 300 คน หรือราว 1ใน 3 ของพนักงานทั้งหมดได้รับผลกระทบ และอยู่ในช่วงช่วยกันฟื้นฟูที่อยู่อาศัย และระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

ส่วนการส่งมอบเหล็กแผ่นรีดร้อนให้ลูกค้ากว่า 50 รายทั่วประเทศขณะนี้ไม่มีปัญหา ยังไม่ได้รับผลกระทบ และสามารถส่งมอบได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตามหลังจากเครื่องจักรกลับมาเดินการผลิตได้แล้ว บริษัทตั้งเป้าว่าปี2560 จะผลิตเหล็กให้ได้มากขึ้น จากที่ปี 2559 ผลิตได้ 1.1 ล้านตัน จะเพิ่มเป็น 1.7-1.9 ล้านตัน หรือตั้งเป้าไว้สูงกว่าปีก่อนสัดส่วน 60% จากที่เครื่องจักรมีขีดความสามารถในการผลิตได้เต็มที่ที่ 4 ล้านตันต่อปี โดยคาดหวังว่าอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากเหล็กจะขยายตัว โดยเฉพาะตลาดรถยนต์จะกลับมาขยายตัวมากกว่าปีที่แล้วโดยวงการรถยนต์ตั้งเป้าไว้ที่ 2.2 ล้านคัน สูงกว่าปี 2559 โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนจะเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นเพื่อใช้ในกลุ่มยานยนต์และเครื่องใช้ฟ้า รวมถึงผลิตเหล็กเคลือบน้ำมัน หรือเหล็กแผ่นรีดร้อนคุณภาพพิเศษสำหรับป้อนกลุ่มยานยนต์ นอกจากนั้นเหล็กแผ่นรีดร้อนยังนำไปใช้ในวงการก่อสร้าง เช่นเหล็กแผ่นม้วนทำท่อ เหล็กทำเสาไฟฟ้า เหล็กสำหรับซ่อมแซมถนน เหล็กสำหรับทำราวกั้นถนน โดยโครงการลงทุนจากภาครัฐจะเป็นแรงกระตุ้นหลัก

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายธุรกิจ บริษัท เอสเอสไอ มองทิศทางอุตสาหกรรมเหล็กปี 2560 ว่าจะขยายตัวมากกว่าปีที่แล้วแน่นอน โดยสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ระบุว่าจะเติบโต 5% ในขณะที่สมาคมเหล็กโลกมองว่าเหล็กโลกจะเติบโตราว 0.5% ในปีเดียวกัน โดยอาเซียนจะมีการเติบโตในการใช้เหล็กสูงกว่าภูมิภาคอื่นโดยเฉพาะการลงทุนที่เกิดจากเมกกะโปรเจ็กต์รัฐ

สำหรับสถานะเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศไทยปี2559 มีกำลังผลิตรวม 2.4 ล้านตัน(จากผู้ผลิต 2 ค่าย เอสเอสไอ,จี สตีลฯ) ยังใช้กำลังผลิตได้ไม่ถึงครึ่งเมื่อเทียบกับความสามารถของเครื่องจักรที่ 2 ค่ายผลิตได้รวมกันที่ 8 ล้านตันต่อปี โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนเมื่อปีที่ผ่านมามีการนำเข้าสูงถึง 4 ล้านตันต่อปี

อนึ่ง เมื่อปี 2559ในประเทศไทยมีความต้องการใช้เหล็กรวมทุกชนิดราว 17 ล้านตัน ในจำนวนนี้พบว่าเป็นการนำเข้าสูงถึง10ล้านตัน และใช้เหล็กในประเทศเพียง 7 ล้านตันเท่านั้น

 ‘ซิโน-ไทย’ชี้งบรัฐดันศก.

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกุล ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่นจำกัด (มหาชน)กล่าวว่า งบลงทุนภาครัฐจะจุดติดเครื่องยนต์เศรษฐกิจได้อย่างแน่นอน ลงไปขนาดนี้ถ้าไม่ติดก็แย่แล้ว เมื่อเงินมาตรงนี้ ก็จ่ายต่อกระจายออกไป ไม่ใช่รถไฟความเร็วสูง 3 ล้านล้านบาท จ่ายไปนอก 2.8 ล้านล้านบาท เหลืออยู่ในไทยนิดเดียว แต่งบลงทุนภาครัฐจ่ายลงมาหลายแสนล้านบาทเฉียดล้านล้าน มันเมดอินไทยแลนด์เกือบทั้งหมด ประเทศไทยถ้าทำขนาดนี้แล้วยังจุดเศรษฐกิจไม่ได้อีกก็ตัวใครตัวมัน

ส่วนอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องกับอุตสาหกรรมก่อสร้างก็ดีหมด เพราะฉะนั้นก็ขอให้ธุรกิจก่อสร้างเป็นต้นน้ำ จะกระจายรายได้เกิดการหมุนเวียนของเงิน 7-8 รอบ คนที่จะได้รับผลพวงตรงนี้ ทุกคนอยากซื้อของไทย ทุกคนอยากใช้ของในประเทศควบคุมง่าย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,229 วันที่ 22 - 25 มกราคม 2560