Toyota Corolla Altis Minor Change เมื่อคุณลุงอยากเป็นหนุ่ม

รถยนต์คู่บ้านคู่เมือง วิ่งเกลื่อนถนนประเทศไทย หากคุณไม่ได้ซื้อขับเป็นเจ้าของ ในชีวิตก็ต้องมีโอกาสนั่งเป็นผู้โดยสารเพียงจ่ายเริ่มต้น 35 บาทครับสำหรับ “โคโรลลา อัลติส” เป็นรถยนต์รุ่นขายดีที่สุดตลอดกาลของโตโยต้า ปัจจุบันเดินทางมาถึงเจเนอเรชัน 11 ซึ่งโฉมนี้เพิ่งถูกไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว

โคโรลลา อัลติส ไมเนอร์เชนจ์ ปรับหน้าตาให้ดูสดใหม่เพิ่มความเฉียบคมทั้งกระจังหน้าและการใช้ไฟ LED เป็นไฟใหญ่ (ในรุ่น Esport และ 1.8VNavi) ไฟขับขี่กลางวัน และรายละเอียดในโคมไฟท้าย ภายในเปลี่ยนหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วใหม่ ที่รองรับระบบนำทาง และเครื่องเล่น DVD CD MP3 รวมถึงแผงควบคุมแอร์และช่องแอร์ออกแบบใหม่ เช่นเดียวกับมาตรวัดเรืองแสงสีสันสดใสมากขึ้นพร้อมเพิ่มช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง2 จุดด้านระบบความปลอดภัยโตโยต้าเพิ่มถุงลมนิรภัย 7จุด (คู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง และหัวเข่าคนขับ) และระบบเตือนการรัดเข็มขัดของผู้โดยสารด้านหน้าเป็นมาตรฐานทุกรุ่น (ดิสก์เบรก 4 ล้อและระบบเบรก ABSEBD BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSC มีให้ทุกรุ่นอยู่แล้ว) ขณะที่ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC ให้มาทุกรุ่นเว้นตัวล่างสุด 1.6J เกียร์ธรรมดาเรื่องสีตัวถัง โตโยต้าใช้สีนํ้าตาลใหม่ (สีเดียวกับที่ใช้ในฟอร์จูนเนอร์) ส่วนสีเบาะภายในเป็นสีเบจที่ปรับโทนใหม่(ในรุ่น 1.6G และ 1.6E CNG)

สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะโตโยต้าจะเพิ่มสปอร์ตโหมดในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร (ปุ่มอยู่ใกล้ๆคันเกียร์) และปรับปรุงช่วงล่างใหม่ โดยปรับความหนืดหรือจังหวะรีบาวด์ของโช้กอัพ พร้อมเปลี่ยนยางหัวโช้ก เพิ่มวัสดุซับเสียง และปรับการเดินของอากาศบริเวณซุ้มล้อให้ดีขึ้นตามหลักอากาศพลศาสตร์การพัฒนาเหล่านี้ เน้นไปที่เสถียรภาพการทรงตัวขณะที่รุ่น 1.8 Esport จะเซ็ตช่วงล่างให้แข็งกว่ารุ่น1.8 ปกติ ทั้งยังใช้ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ประกบยางมิชลิน ไพลอต สปอร์ต3ขนาด215/45 R17 (ส่วนรุ่น 1.8V Navi ใช้ยางดันลอป Enasave EC300 ขนาด 205/55R16)

ส่วนสมรรถนะจากการลองขับเส้นทางกรุงเทพฯ-ชะอำ จ.เพชรบุรี สัมผัสแรกที่รู้สึกได้คือความเงียบภายในห้องโดยสารอัลติสเก็บงานได้เนี้ยบครับ

ด้านเบาะนั่งคนขับรองรับแน่นขับทางไกลไม่เมื่อยตัว(มีปัจจัยอื่นประกบด้วย)การขับในเมืองช่วงแรกๆเหมือนรถจะอุ้ยอ้ายเล็กน้อย แต่เมื่อมีโอกาสยิงยาวทางไกล ช่วงล่างให้ความมั่นคงการทรงตัวนิ่งในระดับความเร็ว100-120กม./ชม. การตอบสนองของพวงมาลัยแม่นยำ (ถ้าเทียบกับโฉมเก่า เจเนอเรชันที่ 10) ทว่าหากเทียบกับ ฮอนด้า ซีวิคฟอร์ด โฟกัส และมาสด้า3 แล้วอัลติสไม่ถึงกับเด็ดขาดกว่าคู่แข่งในเรื่องความหนึบและการควบคุม

…กล่าวคือ โคโรลลาอัลติส พัฒนาให้ดีขึ้นจริง ทั้งช่วงล่างและการควบคุม แต่พวกคู่แข่งก็ไม่ได้ด้อยกว่าในประเด็นนี้ด้านเครื่องยนต์เบนซิน 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผันฝั่งไอดี-ไอเสียDual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 141ที่ 6,000 รอบตอ่ นาทีแรงบิดสูงสุด 177 แรงม้า ที่4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT เรี่ยวแรงดีสมเนื้อสมตัวครับ

ระบบส่งกำลังชุดนี้สามารถรีดศักยภาพของเครื่องยนต์ 2ZRFBEออกมาได้อย่างน่าชื่นชมโดยเกียร์ไม่ได้ลากรอบยาวจนเกินไป การเปลี่ยนเกียร์ทำ ได้นุ่มนวลจังหวะคิกดาวน์รวดเร็วเหนืออื่นใดในรุ่นนี้ยังมีปุ่มสปอร์ตโหมดมาให้ เมื่อกดแลว้ สัมผัสถึงความจี๊ดจ๊าดมากขึ้น ตำแหน่งเกียร์กับแรงบิดและรอบเครื่องยนต์ถูกปรับให้เหมาะสมสอดคล้องซึ่งกันและกัน เพื่อตอบสนองความต้องการพุ่งทะยานของผู้ขับได้สูงสุดด้านอัตราบริโภคนํ้ามันผมลองวัดในระยะทางประมาณ100 กม.จากเส้นธนบุรีปากท่อต่อเนื่องเพชรเกษม เห็นตัวเลข 13.9 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...ถือเป็นการพัฒนาที่น่าสนใจของ “โคโรลลา อัลติส ไมเนอร์เชนจ์”โดยรวมดูหนุ่มมีความคมเข้มมากขึ้น แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง“ซีวิค” หรือ “มาสด้า3” 2 รุ่นนี้ยังมีบุคลิกโฉบเฉี่ยวกว่าขณะที่อัลติสฉีกความอนุรักษ์นิยมด้วยรุ่น Esport เพื่อทำให้ภาพของโมเดลมีความชัดเจนแตกต่างหวังเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ (มี 2 รุ่นย่อย) ในภาพรวมเป็นรถขับสบายวิ่งทางไกลดีทว่าราคาตัวท็อป1.8V Navi ที่ได้ลองขับราคาทะลุล้านก็น่าตกใจเล็กน้อย ซึ่งเป็นความจริงที่ราคารถยนต์กลุ่มนี้ค่อยๆขยับขึ้นมาตลอด (เพื่อเปิดพื้นที่ให้กลุ่มซับคอมแพ็กต์และอีโคคาร์มีช่องว่างมากขึ้น) อาจจะดูโหดร้ายครงับ แต่เรื่องความเชื่อมั่นในคุณภาพรถยนต์และศูนย์บริการของโตโยต้ายังไว้ใจได้เสมอ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,228 วันที่ 19 - 21 มกราคม 2560