โธธ โซเชียล เผยพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียคนไทย ระบุเฟซบุ๊กขาลง ยอดโตปี 59 เพียง 7% คาดผู้ใช้ 43 ล้านบัญชี ขณะที่ไลน์ยอดบัญชีพุ่งจาก 33 ล้านบัญชี เป็น 36-40 ล้านบัญชี ชี้เหตุจากใช้ทั้งสนทนาส่วนตัว และธุรกิจ
นายกล้า ตั้งสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โธธ โซเชียล จำกัด ผู้ให้บริการระบบบริการข้อมูลเชิงลึกและวิเคราะห์ผล บนโซเชียลมีเดียครบวงจร เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าจากการใช้เครื่องมือเก็บข้อมูลการใช้งานโซเชียลมีเดียของไทยในรอบปี 2559 ที่ผ่านมา พบว่าการเติบโตของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายใหม่ในไทยลดลงเหลือ 7% โดยคาดว่าจะมียอดบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กในไทย 43 ล้านบัญชี จากเดิมมียอดบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 40 ล้านบัญชี ซึ่งกลุ่มที่มียอดการเติบโตมากสุดคือ กลุ่มผู้สูงอายุ ( 55 ปี ขึ้นไป) เติบโต 25% ส่วนกลุ่มอายุ 13-17 ปี ยอดลดลง 2% ซึ่งสาเหตุอาจมาจากเฟซบุ๊กมีออกข้อกำหนดผู้ใช้งาน โดยห้ามต่ำกว่าอายุ 13 ปี
ส่วนโซเชียลมีเดียที่มียอดการเติบโตขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ คือ แอพพลิเคชันสนทนา “ไลน์” ที่มียอดบัญชีผู้ใช้ประมาณ 36-40 ล้านบัญชี จากเดิมปีที่แล้ว 33 ล้านบัญชี และใช้ระยะเวลาสนทนาอยู่บนไลน์มากขึ้น ซึ่งจากการวิเคราะห์น่าจะมีจากผู้ใช้มีการนำแอพพลิเคชันไลน์มาใช้ในการสนทนาส่วนตัว และใช้ทางธุรกิจ อาทิ ซื้อขายสินค้า นอกจากนี้ไลน์ยังมีฟีดเจอร์สนทนาแบบกลุ่ม ซึ่งสามารถสื่อสารข้อความ หรือ ภาพ ที่ไม่ต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะได้
“เฟซบุ๊กเลยจุดการเติบโตมาแล้ว เหมือนกับที่ในอเมริกา มองว่าเฟซบุ๊กอยู่ในช่วงขาลง โดยเดิมเราอาจใช้เฟซบุ๊ก เพื่อสื่อสารกับเพื่อนที่อยู่ห่างกัน แต่เด็กยุคใหม่ มองว่าข้อความที่สื่อสารผ่านทางเฟซบุ๊กยาวเกินไป ทั้งยังมีการก็อปรูปไปใช้สร้างความเสื่อมเสีย ตลอดจนเหตุการณ์ดราม่าต่างๆ เกิดขึ้นบนเฟซบุ๊กเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการใช้งาน”
อย่างไรก็ตามมองว่าในส่วนที่เติบโตขึ้นของเฟซบุ๊ก คือ “เฟซบุ๊ก ไลฟ์” ที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งในตลาดวิดีโอทุกชนิด ทั้งวิดีโอออนไลน์ และบรอดแคส ทีวี แบบดังเดิม ซึ่งจะเห็นชัดเจนว่าธุรกิจบรอดแคส ทีวี เริ่มมีการนำเสนอเนื้อหา ที่ไม่สามารถเผยแพร่ในช่องทางปกติ เนื่องจากข้อจำกัดเวลา ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์มากขึ้น นอกจากนี้เฟซบุ๊กไลฟ์ ยังสามารถเข้าถึงคนดูที่สนใจได้จริง และมีต้นทุนต่ำ ทั้งนี้มองว่าเฟซบุ๊กไลฟ์ จะเป็นพื้นฐานการใช้งานของผู้ใช้เฟซบุ๊กในปีนี้และปีหน้า
นายกล้า กล่าวต่อไปอีกว่า โฆษณาออนไลน์ มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังเติบได้อีกมาก โดยการทำโฆษณาออนไลน์ในขณะนี้จะอยู่ในรูปแบบของการใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อน เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย วัดผลความคุ้มค่าการลงทุนได้ จากเดิมที่ผ่านมาการโฆษณาออนไลน์ จะใช้การสร้างสรรค์ หรือ ครีเอทีฟ เป็นตัวขับเคลื่อน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,228 วันที่ 19 - 21 มกราคม 2560