ส่งออก4สินค้าไทยกังวล นโยบาย 'ทรัมป์' ส่อสหรัฐฯปะทะจีนกระทบไทย

20 ม.ค. 2560 | 12:00 น.
ผู้ส่งออกไทยจับตาใกล้ชิด นโยบาย "ทรัมป์" ที่จะแถลงต่อรัฐสภาส่อกีดกันการค้า กลุ่มอุตฯไฟฟ้า รองเท้า อาหาร ยางพารา ประเมินมีทั้งผลด้านลบและผลบวกต่อการส่งออกไทยหลายมิติ แต่เชื่อที่สุดแล้วสหรัฐฯ ไม่กล้าทำสงครามการค้ากับจีน เหตุจะเจอสวนกลับ ผู้บริโภคชาวอเมริกันจะเดือดร้อนเอง

จากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 ในวันที่ 20 มกราคม 2560 ท่ามกลางสายตาทั่วโลกจับตามองนโยบายด้านต่างๆ ของรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมา ซึ่งในส่วนของภาคการค้าทั่วโลกต่างหวั่นวิตกจากนโยบายในการหาเสียงของนายทรัมป์ที่มีท่าทีกีดกันการค้าอย่างชัดเจน เช่น ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้าจีน 45% การเรียกเก็บภาษี 35% กับบริษัทสหรัฐฯที่เคลื่อนย้ายงานหรือปฏิบัติการต่างๆ ไปยังประเทศอื่น รวมถึงการถอนสหรัฐฯออกจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(ทีพีพี) เป็นต้น

นายธำรง ธิติประเสริฐ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นายทรัมป์มีท่าทีของแนวนโยบายที่ค่อนข้างกีดกันการค้า โดยเหตุผลเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาวอเมริกันให้มีงานทำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ ขณะที่การขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีน 45% หากทำได้จริงจะกระทบต่อไทยทางอ้อม เพราะจะส่งผลให้สินค้าวัตถุดิบ และกึ่งสำเร็จรูปที่จีนนำเข้าจากไทยเพื่อผลิตส่งออกต่อไปสหรัฐฯจะลดลง แต่เชื่อว่าการขึ้นภาษีสินค้าจีนสูงถึง 45% แบบปัจจุบันทันด่วน คงเป็นไปได้ยาก แต่คงมีมาตรการแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า

นายวิษณุ ลิ่มวิบูลย์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม (ส.อ.ท.)กล่าวว่า มองอีกมุมหากนโยบายทรัมป์ต่อต้านสินค้าจีนมาก ๆ สินค้าไทยอาจได้ประโยชน์จากส่วนหนึ่งสหรัฐฯจะมีการนำเข้าสินค้าไทยเข้าไปทดแทนสินค้าจีน ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาสินค้าที่ผลิตในจีนหลายรายการได้ถูกสหรัฐฯ และคู่ค้าอื่นๆ เก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด(เอดี) ทำให้หลายบริษัทจากจีนได้เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ รวมถึงตลาดอื่นๆ เพื่อเลี่ยงการถูกใช้มาตรการ ผลดีจากนโยบายนายทรัมป์ครั้งนี้จะเร่งให้เกิดการลงทุนของจีนในไทยเพิ่มขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งจะกระทบกับการส่งออกไทยไม่มากก็น้อย

ขณะที่นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า นโยบายด้านต่างๆ ของรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะแถลงอย่างเป็นทางการต่อรัฐสภา เชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ และกระทบต่อการค้าโลกไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเพื่อลดผลกระทบการส่งออกไทยไปยังสหรัฐฯ ขอแนะนำให้ผู้ส่งออกไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกของสมาคมได้หันไปทำตลาดในเอเชียให้มากขึ้น เช่นอาเซียน เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ที่มีรสนิยมในการบริโภคใกล้เคียงกัน รวมถึงมีความเข้มงวดในเรื่องคุณภาพมาตรฐานไม่เข้มข้นเหมือนในยุโรป และอเมริกา

ด้านนายหลักชัย กิตติพล นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมยางพาราไทย กล่าวว่า หากสหรัฐฯมุ่งเป้ากีดกันการค้าต่อจีนจริง จะส่งผลกระทบกับสินค้ายางพาราไทยที่จีนนำเข้าไปผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯรวมถึงส่งออกไปทั่วโลกอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดีนายทรัมป์คงทำเรื่องนี้ไม่ง่ายๆ คงทำได้แค่เพียงระดับหนึ่ง เพราะในสหรัฐฯ ยังมีระบบถ่วงดุลอำนาจ

"หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้าจีน 45% จีนก็คงตอบโต้โดยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน เช่นขึ้นภาษีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นำเข้าจากสหรัฐฯเป็น 45% แล้วเกษตรกรของสหรัฐฯ จะอยู่อย่างไร เพราะแต่ละปีจีนก็นำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ ไม่ใช่น้อย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,228 วันที่ 19 - 21 มกราคม 2560