จับตาบีคาร์ใส่เครื่องเล็กรับแต้มต่อภาษี

19 ม.ค. 2560 | 11:00 น.
อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จากโจทย์ใหญ่โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่คิดตามการปล่อยไอเสีย ที่เริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม 2559 และการเดินหน้าอีโคคาร์ เฟส2 ส่งผลให้ค่ายรถยนต์ขยับกระบวนทัพโปรดักต์ในการทำตลาด ซึ่งเซ็กเมนต์ซับคอมแพ็กต์ หรือบีคาร์ ที่ในปัจจุบันซ้อนทับกับอีโคคาร์อยู่แล้ว ต่อไปจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นไปอีกเริ่มต้น จากการนำรถยนต์ระดับซับคอมแพกต์มาวางเครื่องยนต์ขนาดเล็กให้อยู่ในข้อกำหนดของอีโคคาร์ และหลายค่ายกำลังเดินหน้าสู่เฟส 2 ที่แม้มีความเข้มงวดทั้งเรื่องอัตราบริโภคนํ้ามันและการปล่อยไอเสียมากขึ้น แต่ด้วยสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน และภาษีสรรพสามิตตํ่าเพียง 14% ก็ยั่วยวนใจในการสร้างกำไรเสียเหลือเกิน (อีโคคาร์ เฟสแรก17%)

อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้หลายค่ายรถยนต์ใชม้ ากับ “อีโคคาร์ เฟส 1 ” ทั้งนิสสัน มาร์ชซูซูกิ สวิฟท์ และโตโยต้า ยาริสเรียกว่าเอารถยนต์ซับคอมแพ็กต์มาตีตั๋วเด็กใส่เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร และทำตลาดภายใต้เงื่อนไขที่รัฐบาลไทยกำหนด ซึ่งการมาของรถยนต์ กลุ่มนี้เข้าไปกินส่วนแบ่งการขายของกลุ่มบีคาร์ (ที่ตัวเองมีอยู่)อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

จากการสำรวจยอดขายรถยนต์กลุ่มนี้ในปี 2559 พบว่าอีโคคาร์ และบีคาร์ มีจำนวนทั้งสิ้น 192,518 คัน ลดลง 10.5% เมื่อเทียบกับปี 2558 แต่เมื่อดูเฉพาะยอดขายในกลุ่มอีโคคาร์กลับพบว่ามีอัตราการเติบโตเล็กน้อย โดยยอดขายของอีโคคาร์จำนวน 12 รุ่นที่เปิดขายในประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 114,993 คันเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มียอดขาย107,756 คัน

ขณะที่ตลาดบีคาร์มียอดขายที่ลดลง โดยมีผู้เล่นขาใหญ่อย่าง โตโยต้า วีออส มียอดขาย 21,810 คัน ลดลง 21.5% เมื่อเทียบกับปี 2558 ฮอนด้าซิตี้ 26,467 คัน ลดลง 20.2% ส่วนฮอนด้า แจ๊ซ 20,922 คัน ลดลง 3.4% และฟอร์ด เฟียสต้า 409 คัน ลดลงกว่า 86.8 % MP-36-3228-c

สำหรับอีโคคาร์ เฟส 2 เชื่อว่าค่ายรถยนต์เตรียมใช้แนวทางนี้คือบีคาร์ใส่เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งตามข้อกำหนดคือเครื่องยนต์เบนซินพิกัดไม่เกิน 1300 ซีซี (เฟสแรกกำหนด 1200 ซีซี)และดีเซลไม่เกิน 1500 ซีซี

ประเดิมก่อนใครในปี 2558 กับ “มาสด้า 2” ที่วางเครื่องยนต์ตามข้อกำหนดของบีโอไอทั้งแบบเบนซินและดีเซลแถมมีให้เลือกทั้งตัวถังแฮทช์แบ็ก และซีดาน ซึ่งความโดดเด่นของรถรวมถึงสมรรถนะการขับขี่ และความคุ้มค่า ส่งผลให้ยอดขายพุ่งพรวดหรือขึ้นมาเทียบกับเจ้าตลาดอย่างโตโยต้า ยาริส ได้เลย (ดูตารางประกอบ)

ล่าสุดนิสสัน มอเตอร์ประเทศไทย เพิ่งจัดงานเปิดตัว“โน้ต” รถยนต์บีคาร์รุ่นดังขายดีในญี่ปุ่น แต่ในเมืองไทยมาสวมสิทธิ์อีโคคาร์เฟส 2 ซึ่งจะทำตลาดคู่ไปกับอีโคคาร์เฟสแรกคือ “มาร์ช”และ “อัลเมร่า” โดยโน้ต วางเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.2 ลิตร 79แรงม้า บล็อกเดียวกับมาร์ช แต่ปรับ ปรุงประสิทธิภาพของเกียร์อัตโนมัติCVT ด้วยรูปลักษณ์ของตัวรถและออปชันที่เพิ่มเติมเข้ามาจึงถูกวางตำแหน่งการตลาดสูงกว่ามาร์ช เล็กน้อยส่วนการทำตลาดของนิสสัน มาร์ชจะหยุดเมื่อไหร่หรือจะมีรุ่นใหม่(โฉมใหม่เปิดตัวเมืองนอกแล้วชื่อไมครา)มาทำตลาดในอนาคตอีกไหม นิสสันยังไม่ยืนยันเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ที่หยุดการผลิตแน่นอนแล้วคือ “ฮอนด้าบริโอ้” ทั้งรุ่นแฮตช์แบ็กและซีดาน (อเมซ) โดยข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมระบุในเว็บไซต์ว่ารถยนต์รุ่นดังกล่าวยุติการผลิตไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

เมื่อข่าวการหยุดผลิตของบริโอ้เป็นไปตามคาด น่าจับตาว่าฮอนด้าจะหาโมเดลไหนมาเสียบในโครงการอีโคคาร์เฟส 2 และถ้าดูจากคู่แข่งและทิศทางการแข่งขันแล้ว มีโอกาสที่ฮอนด้าจะนำโฉมโมเดลเชนจ์ของ “แจ๊ซ” และ “ซิตี้” (ประมาณ 2 ปีข้างหน้า) มาวางเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2-1.3 ลิตรตามข้อกำหนด และทำราคาให้สามารถแข่งขันได้ บนภาษีสรรพสามิต 14%

อีกรุ่นที่มีโอกาสเห็นหน้า เห็นหลังหรือไม่เกินปี 2561 คือ“ฟอร์ด” ที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์เฟส 2 เช่นกัน โดยค่ายอเมริกันมีแนวโน้มนำรถยนต์รุ่นขายดีในยุโรป“เฟียสต้า” ที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นโมเดลเชนจ์ไปเมื่อปีที่แล้วมาวางเครื่องยนต์อีโคบูสต์แล้วขายในราคาที่น่าสนใจมากขึ้น

เนื่องจากเฟียสต้าโฉม ปัจจุบัน รุ่นเครื่องยนต์อีโคบูสต์ 1.0 ลิตร (ไม่ได้เข้าร่วมอีโคคาร์เฟสแรก) เสียภาษีสรรพสามิตอัตราปกติคือ 30% ส่งผลให้ราคาขายโดดไปถึง 7.49 แสนบาท (ปัจจุบันยุติการทำตลาดแล้ว)

ในส่วนของความเคลื่อนไหวอื่นๆ มี “โตโยต้า ยาริส”อีโคคาร์ที่วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.2 ลิตร เตรียมเปิดตัวรุ่นตัวถังซีดานประมาณไตรมาสที่ 3 ปีนี้ซึ่งยาริสซีดานจะได้รับความนิยมขนาดไหน หรือเลี่ยงไม่ได้ในการไปแย่งยอดขายของวีออส ที่วางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรซึ่งโตโยต้าคงประเมินสถาน การณ์เอาไว้แล้ว

…ทั้งหมดเป็นทิศทางของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก กับการปรับตัวตามโครงสร้างภาษีสอดคล้องกับแต้มต่อใน“อีโคคาร์เฟส 2” ที่เหมือนเป็นสังเวียนใหม่ ที่ใครๆต้องลงมาแลกหมัด และพลาดไม่ได้อีกแล้ว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,228 วันที่ 19 - 21 มกราคม 2560