ฟินเทคบี้คลังเป็นโต้โผใหญ่ปั้นสตาร์ตอัพ

18 ม.ค. 2560 | 10:00 น.
สมาคมฟินเทคไทยเสนอคลัง “ตั้งแซนด์บ็อกซ์”สนามทดสอบแจ้งเกิดสตาร์ตอัพ ช้าต่างชาติกินรวบ

การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ ที่มีนายสมชัย สัจจพงษ์ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานในวันที่ 19 มกราคมนี้สมาคมฟินเทคไทย ซึ่งมีสมาชิกภาคธุรกิจ สถาบันการเงิน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะเสนอให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพในการปั้นสตาร์ตอัพไทย

นายกรณ์ จาติกวณิก ประธานสมาคมฟินเทคประเทศไทย เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กระทรวงการ คลังควรจะเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดตั้งสนามทดลองผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรม(National Sand Box) ของกลุ่มผู้เริ่มทำธุรกิจของไทย (Strat up) โดยมี ธปท.,ก.ล.ต. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นเจ้าภาพร่วม เพื่อรับมือกับฟินเทคจากต่างประเทศที่เริ่มขยายเข้ามาในประเทศไทย

“ล่าสุดที่ อาลีบาบา และผู้ให้บริการทางการเงินเข้ามา ไม่ได้ทำธุรกิจในรูปแบบของธนาคารหรือสถาบันการเงิน หากในอนาคตสามารถสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคได้ ในที่สุดความจำเป็นของการมีตัวกลาง เช่น การซื้อขายหุ้น การรับเงินฝาก หรือประกันในรูปแบบต่างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมี ดังนั้นไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งสร้างสตาร์ตอัพขึ้นมา และจะให้ได้ผลต้องต้องมีสนามทดลองและพัฒนากับผู้บริโภคโดยตรง ก่อนที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ในตลาด”

นายกรณ์ กล่าวว่า แนวโน้มฟินเทคจากต่างประเทศมาแน่นอน และจะเป็นคู่แข่งสำคัญที่จะเข้ามาแย่งตลาดในประเทศไทย ล่าสุดประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีประชากรไม่มาก ตลาดไม่ใหญ่ แต่ธนาคารกลางสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพหลัก ในการสร้างสตาร์ทอัพ โดยการทุ่มงบประมาณกว่าปีละ 250 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 6 พันล้านบาท เพื่อสร้างสนามทดลอง ทดสอบและพัฒนาสตาร์ทอัพภายใต้ชื่อ BASH(Build Amazing Startups Here)

นอกจากนี้ประเทศมาเลเซียจัดตั้ง MeGic เป็นศูนย์ทดสอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์สตาร์ตอัพฟินเทค โดยใช้เงินงบประมาณของกระทรวงการคลัง เปิดพื้นที่ทำงานสำหรับสตาร์ตอัพ ซึ่งแต่ละปีจะมีงบประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 700 ล้านบาท

“เป็นที่แน่นอนว่าที่สิงคโปร์ให้ความสำคัญกับสตาร์ทอัพมาก ถามว่าเขาจะจับตลาดไหน บ้านเขาเล็กนิดเดียว ที่เขาจะมาแน่คือประเทศไทยและในอาเซียน”

นายกรณ์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันมีทั้งสถาบันการเงิน และธนาคารพาณิชย์เป็นสมาชิกของสมาคมฟินเทคอยู่แล้ว แต่การจะดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์และทดสอบเพื่อลองผิดลองถูกกับผู้บริโภคก่อนที่จะวางตลาดผลิตภัณฑ์นั้น ยังเป็นในลักษณะต่างคนต่างมีสนามทดลองของตัวเองทำให้มองว่าเป็นการแข่งขันทั้งๆที่ทัศนคติหรือมุมมองเรื่องสตาร์ตอัพนั้น ควรจะเป็นลักษณะของความร่วมมือกันมากกว่าจะเป็นคู่แข่งกัน ดังนั้นการมีสนามทดลองและทดสอบผลิตภัณฑ์แห่งชาติ จึงเป็นเรื่องจำเป็นและจะต้องมีเจ้าภาพมาดำเนินการอย่างจริงจัง

“ทุกหน่วยงานให้การสนับสนุนสร้างสตาร์ทอัพ แต่ยังไม่เป็นเอกภาพ แม้กระทั่งบอร์ดสตาร์ตอัพแห่งชาติ ที่โฟกัสเศรษฐกิจ 4.0 แต่ระบบการทำงานยังเป็น 3.0 ผมจึงอยากเห็น National Sandboxที่มีทั้งคลัง แบงก์ชาติ ก.ล.ต., คปภ.แบงก์ และบริษัทหลักทรัพย์ร่วมวงกันสร้างขึ้นมา ต้องการพื้นที่ที่มีความชัดเจน”

สำหรับความตื่นตัวสถาบันการเงินในขณะนี้ นายกรณ์ตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนใหญ่ยังเป็นลักษณะต่างคนต่างทำ โจทย์ท้าทายภาคเอกชนนั้น จึงเป็นประเด็นของการเปลี่ยนทัศนคติ เนื่องจากในยุคดิจิตอล หรือสังคมสตาร์ทอัพนั้นมีความเชื่อในสิ่งที่เรียกว่า Sharing Market ซึ่งเป็นตรรกะของนักธุรกิจสมัยใหม่ ต่างจากการแข่งขันรุ่น 3.0 ที่ยังมีทัศนคติแบบ Zero Sum Game คือถ้าคนหนึ่งได้อีกคนต้องเสีย

“ธุรกิจยุคสตาร์ตอัพมองทุกอย่างมีไว้เพื่อแชร์ ถ้ามัวแต่ใจแคบการใช้เทคโนโลยีจะไม่แพร่หลาย และสุดท้ายแข่งขันกัน เพียงแต่ต้องทำให้คนเข้ามาร่วมใช้บริการในระบบให้มากโดยไม่กังวลจะก๊อบปี้ไอเดีย ขึ้นอยู่กับว่าใครจะทำได้ดีกว่า สุดท้ายจะมีการนำผลิตภัณฑ์ไปใช้ ถือเป็นความสำเร็จของการทดสอบและพัฒนาเพื่ออัพเกรดสินค้าหรือเทคโนโลยี”

ด้านนายเจษฎา สุขทิศ รักษาการณ์นายกสมาคมฟินเทคไทย กล่าวว่า การจะเปิดสนามทดลองให้ประสบความสำเร็จต้องมี 3 องค์ประกอบคือ 1.การทำสอบผลิตภัณฑ์จริงกับผู้บริโภค จะต้องหาผู้บริโภคเข้ามาทดสอบผลิตภัณฑ์ 5,000 คน ก่อนนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด

2.ร่วมมือกับสถาบันการเงินในไทย ซึ่งเป็นการจับมือกันระหว่างธนาคารพาณิชย์ กับผู้ประกอบการฟินเทค โดยปัจจุบันหลายธนาคารได้มีการจับมือกับพันธมิตรฟินเทคแล้ว

3.การมีเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการช่วงแรก เช่น สมาคมฟินเทคฯอยู่ระหว่างหารือกับศูนย์เคเอ็กซ์ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจองเกล้าธนบุรี เป็นศูนย์ทดสอบด้วยงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ ประมาณ 19 ล้านบาท และอีกส่วนจากเอกชน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,228 วันที่ 19 - 21 มกราคม 2560