บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง ( ETE ) ได้ฤกษ์เดินสายให้ข้อมูลนักลงทุน เตรียมระดมทุน เฉียด 600 ล้านบาท ต่อยอด 3 ธุรกิจ คาดเคาะขายกลางเดือนก.พ.
นายไรวินท์ เลขวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง ( ETE ) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเดินสายเสนอข้อมูลขายหุ้นต่อนักลงทุน (โรดโชว์) 4 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมนี้ ก่อนแต่งตั้งตัวแทนเสนอขายหุ้น กำหนดขายหุ้นต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ และคาดหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2560 โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาการเงิน ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ
จำนวนหุ้น IPO เสนอขาย 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทหรือ 70 ล้านบาท ภายหลังการเสนอขาย IPOบริษัทมีทุนจดทะเบียน 280 ล้านบาท ก่อนเพิ่มทุน 210 ล้านบาท โดยนายไรวินท์ และครอบครัว ถือหุ้นใหญ่ 50 % หลังการขาย IPOจากก่อนหน้าที่ถือ 70 % มูลค่าการระดมทุนครั้งนี้ อยู่ราว ๆ 600 ล้านบาท ดังนั้นช่วงราคาเสนอขายคาดว่าอยู่ในช่วง 4-5 บาท สำหรับเงินที่ได้จากระดมทุนนี้ จะนำไปชำระหนี้เงินกู้ 40 % ของเงินระดมทุน ที่เหลือ 60 % ใช้เป็นทุนหมุนเวียนขยายธุรกิจที่มีอยู่ 3 ประเภท เพื่อกระจายความเสี่ยง ประกอบด้วย
1. การบริหารจัดการบุคลากร หรือการจัดการบุคลากร ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ 2. การจัดหา ติดตั้งงานวิศวกรรมไฟฟ้าและโทรคมนาคม และ 3. ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม ) ขนาด 16.44 เมกกะวัตต์ ทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO ด้วย
โครงสร้างรายได้ปัจจุบันมาจากธุรกิจจัดหาบุคลากร 50 % ของรายได้ , ธุรกิจรับเหมาติดตั้งงานวิศกรรม ฯ 40 % และธุรกิจพลังงาน 30 %
นายไรวินท์ กล่าวว่า ธุรกิจจัดการบุคลากรให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ปัจจุบันจัดส่งบุคลากรด้านวิศวกรรม และพนักงานอื่น ๆ ให้กับหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ลูกค้าหลักคือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ( กฟภ. ) , การไฟฟ้านครหลวง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มีสัญญาระยะยาว 1-3 ปี เป็นลูกค้าที่ผูกพันนาน มีความต้องการบุคลกรต่อเนื่อง นอกจากนี้รายได้หลักส่วนใหญ่ของบริษัท มาจาก กฟภ. 60 % ของรายได้รวม ซึ่งมีทั้งการจัดหาบุคลากรให้ การติดตั้งเสาไฟฟ้าและหม้อแปลงให้ กฟภ. , การไฟฟ้านครหลวง การประปาส่วนภูมิภาคด้วย
สำหรับการจัดหาบุคลากร ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ปัจจุบันมีบุคลากรกว่า 5 พันคน เป็นธุรกิจที่มีการลงทุนไม่มาก10% แต่มีอัตราการเติบโตของเงินลงทุนสูง ซึ่งธุรกิจนี้ความเสี่ยงอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายของหน่วยงานรัฐ แต่เชื่อว่าความต้องการใช้บุคลกรยังมี เพราะหน่วยงานสามารถลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายได้หลังจากระดมทุนแล้ว งานจัดหาบุคลากร จะขยายได้อีกมาก บริษัทมีแผนรับบริหารจัดการขาย และอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาหาโอกาส
“ ธุรกิจจัดหาบุคลากร ยังเติบโตอีกมาก หน่วยงานการไฟฟ้า ที่ส่งไป 40 หน่วยงาน และรัฐวิสาหกิจ รวมแล้ว 5 พันกว่าคน ยังมีโอกาสขยายตัวได้ แต่ละปี การเติบโตของธุรกิจนี้ไม่หวือหวาแต่มั่นคง เติบโตได้ปีละ 30 % ”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงธุรกิจจัดหาระบบงานวิศวกรรมการไฟ้ฟ้าและโทรคมนาคม รายได้เติบโตตามการเติบโตของเทเลคอม ซึ่งปี 2559 ที่ผ่านมา การประมูลล่าช้า ส่งผลให้รายได้จากส่วนนี้ลดลง แต่อย่างไรก็ตาม งานไฟฟ้า ช่วยทดแทนงานโทรคมนาคม ดังนั้น ความเสี่ยงของธุรกิจนี้อยูที่การปรับตัวของธุรกิจโทรคมค่ายมือถือด้วย
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นโครงการโซลาร์สหรัฐการเษตร ล่าสุด ETE สามารถจำหน่ายรายได้เชิงพาณิชย์ ( COD) แล้วทั้งหมด 4 โครงการ ขนาด 16.44 เมกกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการโซลาร์ฟาร์มที่จังหวัดสระแก้ว 2 โครงการขนาด 6.44 เมกกะวัตต์ โครงการโซลาร์ฟาร์มที่จังหวัดตราด 5 เมกกะวัตต์ และประจวบคีรีขัน 5 เมกกะวัตต์ บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจนี้ปีละ 127 ล้านบาท ซึ่งปี 2560 รับรู้รายได้เต็มปี ส่งผลให้รายได้รวมทั้งปี เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
“ ธุรกิจพลังงาน เป็นอีกขาของธุรกิจที่มีกระแสเงินสด เข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่อง เป็นรายได้ที่มั่นคง ผลตอบแทนดี ถือเป็นธุรกิจช่วยกระจายความเสี่ยงของรายได้ซึ่งบริษัทไม่ได้หยุดอยู่แค่ 16 เมกกะวัตต์เท่านั้น หลังเพิ่มทุนมีเงินพร้อมที่จะขยายขนาดกำลังเมกกะวัตต์เพิ่ม โดยรอให้ทางการเปิดสมัคร ซึ่งมีความพร้อมที่จะยื่นขอใบอนุญาต รวมทั้งเป้าหมายการทำพลังงานทดแทน ยังมุ่งที่พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นหลัก ส่วนพลังงานจากชีวมวล พลังงานขยะ ไม่น่าสนใจ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องวัตถุดิบ หรือพลังงานลม ไม่อยู่ในความสนใจ ” นายไรวินท์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการช่วง 9 เดือน 2559 มีรายได้รวม 1,060 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจบริหารจัดการบุคลากร 608 ล้านบาท และรายได้งานไฟฟ้า-วิศวกรรม450 ล้านบาท ส่วนปี 2558 มีกำไรสุทธิ 64 ล้านบาท
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ ที่ปรึกษาการเงิน กล่าวว่า ธุรกิจของ ETE มีจุดเด่นที่โครงสร้างธุรกิจ 3 ธุรกิจ เป็นการกระจายความเสี่ยงของรายได้ และวิทัศน์ของผู้บริหารที่มองหาโอกาสการเติบโตของธุรกิจต่อเนื่อง เป็นจุดเด่นของ ETE
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,227 วันที่ 15 - 18 มกราคม 2560