วาโวลีนตั้งเป้า 2 ปีโกยรายได้ 1.5 พันล้าน

18 ม.ค. 2560 | 09:00 น.
วาโวลีน ประกาศแผนระยะสั้น 2 ปี หวังเพิ่มแชร์ในเซกเมนต์พรีเมียม พร้อมเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่มีนาคมนี้ และพัฒนาเครือข่าย “วาโวลีน เซอร์วิส เซ็นเตอร์” มั่นใจกลยุทธ์ถูกทางดันยอดขายเข้าเป้า 1,500 ล้านบาท

นายเพิ่มศักดิ์ โกศลพันธุ์ ประธานบริหาร บริษัท วาโวลีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า บริษัทฯวางเป้าหมายการดำเนินงานในช่วง 2 ปีนี้ (2560 – 2561)โดยจะมีรายได้ 1,500 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาด 3 % ในเซกเมนต์น้ำมันเครื่องกลุ่มไฮเอนด์ ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2559 มีรายได้กว่าพันล้านบาท และในปี 2560 จะมีรายได้ 1,200 ล้านบาท

“เราเริ่มปีงบประมาณ 2560 ตั้งแต่ช่วงตุลาคมของปีที่ผ่านมา ซึ่งผ่านพ้นไป 3 เดือนเรามีอัตราการเติบโต 20 % ด้านส่วนแบ่งการตลาดในปีที่ผ่านมา เรามีสัดส่วน 2 % ซึ่งภายใน 2 ปีนี้เราคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3 %”

นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า กลยุทธ์หลักที่จะผลักดันให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จะประกอบไปด้วย การเปิดตัวสินค้าใหม่ ในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำถึงความหลากหลายของสินค้าที่จะรองรับทั้งกลุ่มรถจักรยานยนต์ ,รถยนต์เครื่องดีเซล , เบนซิน ทั้งแบบสังเคราะห์ ,กึ่งสังเคราะห์ ,มิเนเร่ ออยล์ , น้ำมันเกียร์ โดยสินค้าวาโวลีนมีราคาตั้งแต่ระดับไม่แพงไปจนถึงพรีเมียม นอกจากนั้นแล้วจะมีการทำโปรโมชั่นของแถมควบคู่

ขณะเดียวกันทีมงานขายที่มีความแข็งแกร่งจะมีการขยายช่องทางการจำหน่าย โดยปัจจุบันมีเครือข่ายทั้งสิ้นกว่า 2,500 ราย ทั้งกลุ่มอู่ซ่อมทั่วไป ,คาร์แคร์ ,ร้านอะไหล่,ร้านยาง,โฮลเซล และผู้ใช้ตรง ซึ่งในแต่ละปีทีมงานขายจะมีการเพิ่มจำนวนเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้จะมีการพัฒนา “วาโวลีน เซอร์วิส เซ็นเตอร์” ที่จะจับมือร่วมกับเครือข่ายกว่า 600 รายในการให้บริการ ซึ่งบริษัทฯกำลังศึกษารูปแบบการขาย การบริการให้เหมาะสมกับลูกค้าคนไทย

“ในแต่ละปีเราวางงบประมาณทางการตลาดคิดเป็น 5 % ของรายได้ทั้งหมด หรือประมาณกว่า 50 ล้านบาท โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะนำมาใช้ทั้งแบบ อะโบพ เดอะ ไลน์ และ บีโลว์ เดอะ ไลน์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าได้เห็นภาพลักษณ์ของตัวสินค้าของเรา อาทิ การสนับสนุนกิจกรรม มวย ,การเป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นอกจากนั้นแล้วเรายังมีการทำกิจกรรมกับเครือข่าย ทั้งการตกแต่งร้านค้า การทำโปรโมชั่นของแจกของแถม และการพาไปเที่ยวต่างประเทศ”

นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า การแข่งขันของตลาดน้ำมันเครื่องในไทย ปัจจุบันยังคงดุเดือด เนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดเป็นจำนวนมาก ในส่วนของปริมาณการขายในแต่ละปีจะอยู่ที่ 500 ล้านลิตร โดยแบ่งออกเป็นน้ำมันเครื่องกลุ่มไฮเอนด์ 20 % ,กลุ่มมีเดียมในระดับกลาง 30 % และที่เหลือจะเป็นกลุ่มทั่วไป 50 %

“สัดส่วนการขายน้ำมันเครื่องน่าจะอยู่ในระดับนี้ โดยประเมินว่าดีมานด์ไม่น่าจะเพิ่มเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เพราะรถยนต์สมัยนี้ยืดระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนานขึ้น”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,227 วันที่ 15 - 18 มกราคม 2560