รมว.ท่องเที่ยวย้ำความร่วมมือระหว่าง ASEAN Connect มีแนวโน้มสดใส

17 ม.ค. 2560 | 11:01 น.
รมว.ท่องเที่ยว ย้ำความร่วมมือระหว่าง ASEAN Connect  มีแนวโน้มสดใส นักท่องเที่ยวอาเซียนใช้จ่ายหนักเพิ่มขึ้นถึง 12.64 % เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวเมียนมาร์ ใช้จ่ายนำโด่ง เดินหน้าสานต่อ MOU เชื่อมโยง CLMV และพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำไทยสู่เมืองมะริด

นางกอบกาญจน์  วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปัจจุบันตัวเลขแนวโน้มการสร้างความร่วมมือเพื่อสร้างการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในกลุ่มอาเซียน (ASEAN Connect) มีแนวโน้มและสัญญาณบวกที่ดีอย่างมาก โดยพิจารณาจากตัวเลขของกรมการท่องเที่ยวล่าสุดที่รายงานว่าตลอดทั้งปี 2559 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวอาเซียนมาประเทศไทย 32,588,303 ล้านคน เทียบจากปี 2558 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8.91 สำหรับรายได้ที่ได้รับนักท่องเที่ยวอาเซียน มีจำนวน 1,641,268.45 ล้านบาท เทียบจากปี 2558 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ12.64 ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีในการสร้างความร่วมมือเพื่อเชื่อมโยงระหว่างในอาเซียนที่ประเทศไทยจะเร่งส่งเสริมในปีนี้ต่อไป

จากตัวเลขของกรมการท่องเที่ยวจะเห็นได้ว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวเมียนมาร์ที่เดินทางมาไทยถือว่าเป็นบวกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปี 2558 ร้อยละ 32.78 ถือว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นสูงกว่าประเทศอาเซียนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การลงนามความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว 11-12 มกราคม 2560 ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จึงได้นำคณะภาครัฐร่วมเอกชนธุรกิจการท่องเที่ยวเข้าประชุมร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงโรงแรม และการท่องเที่ยวเมียนมาร์ ภาคเอกชน และผู้ที่ขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยว โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์อัยการสูงสุด และ Myanmar Investment Council ของเมียนมาร์ มาเป็นสักขีพยานมีข้อสรุป 9 ประเด็น คือ

1. เร่งจัดตั้งคณะทำงาน หลังลงนาม MOU เพื่อลงมือทำตามข้อตกลงได้ทันทีที่ให้เกิดผลงานในปี 2560  2. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยง CLMVT (เมียนมาร์–ไทย-ลาว-กัมพูชา-เวียดนาม และ ASEAN) เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างกันอย่างยั่งยืน two Country one Destination ให้มากขึ้น  3.การจัด FAM trip ดึงสื่อเอกชน เข้ามามีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน  4.การแลกเปลี่ยนข้อมูลการท่องเที่ยวระหว่างกัน ช่วยทางด้านเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน และการ

สร้าง digital tourism ทำให้มีการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองมากขึ้น 5.ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ เน้นการท่องเที่ยวทางน้ำระหว่างมะริด-ภูเก็ต

6. ส่งเสริมการ ท่องเที่ยวเชิงกีฬา Sports Tourism โดยเฉพาะระหว่าง พรบ.ด่านช้างแม่สอด-เมียวดี  7. เชิญร่วมงานที่ส่งเสริม ASEAN Connect ที่ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ระดับโลก 2 งาน  1) งานประชุมสภาการท่องเที่ยวโลก WTTC Global Summit 2017 เดือน เมษายน และ 2) งานส่งเสริมการท่องเที่ยว Thailand Travel Mart Plus 2016 พลัส ที่ เชียงใหม่ ในเดือน มิถุนายนนี้  8.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ HRD ทางด้านการท่องเที่ยวโดยภาคเอกชนไทย เช่น บ.ไมเนอร์ พร้อมให้ความร่วมมือเรื่องด้านการฝึกฝนบุคลากรโรงแรม หรือด้านสวนสนุก (Amusement park) และ9.สนับสนุนภาคเอกชนไทยมาร่วมหารือเพื่อขอรับการส่งเสริมข้อมูลส่งเสริมการลงทุนทางภาคบริการในเมียนมาร์ ซึ่งเมียนมาร์ต้องการเน้นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล..มะริด ระนอง ภูเก็ต

นอกจากนี้ ยังได้ เข้าพบรัฐมนตรีกระทรวง สาธารณสุข และกีฬาเมียนมาร์ เพื่อดำเนินการตามเป้าหมายกีฬาเพื่อความสามัคคี ( Sprots for Unity) สร้างความร่วมมือด้านกีฬา โดย เชิญสหภาพเมียนมาร์ เข้าร่วมเป็นสมาชิกสภากีฬาโรงเรียนแห่งอาเซียน ( ASEAN School Sports Council ) ซึ่งเป็นประเทศสุดท้ายที่ยังไม่ได้เข้าร่วมมีการหารือความร่วมมือการทำแผนพัฒนากีฬาระยะยาวร่วมกันซึ่งจะมีการลงนาม MOU และทำงานร่วมกันต่อไป นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้จะอยู่ในการนำเอายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นแผนงานเชิงปฏิบัติการ สร้างการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในกลุ่มอาเซียน( ASEAN Connect ) ดำเนินการตามภารกิจ โดยระหว่างนี้จะมีการประชุมการท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 36 วันที่ 18-20 มกราคม 2560 ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งไทยจะเน้นเรื่องการสร้างสรรค์ดิจิทัลเพื่อส่งเสริมข้อมูลการท่องเที่ยว (Digital Tourism) รวมทั้งเรื่องการท่องเที่ยวทางน้ำ (Maritime Tourism… ASEAN Cruise) โดยทางเมียนมาร์ได้เคยเสนอให้มีการเชื่อมโยงเส้นทางน้ำระหว่างเมืองมะริด-จ.ระนอง-จ.ภูเก็ต

นางกอบกาญจน์ กล่าวย้ำว่าทั้งนี้ภารกิจด้านการท่องเที่ยวทุกด้านของประเทศไทย เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คือ 1.สร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยว (เน้นคุณภาพ สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม) 2.กระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ 3.ปลูกจิตสำนึกรักบ้านเกิด สร้างความภูมิใจในท้องถิ่นตน การดูแลรักษาภูมิลำเนา รักและเข้าใจประเทศไทย ต่อไปในอนาคต