สัญญาณเปิด..เอกชนลงทุน ส.อ.ท.สนองรัฐ‘สมคิด’ชู2560ปีแห่งความสำเร็จ

17 ม.ค. 2560 | 13:00 น.
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษ “2560 จุดเปลี่ยนประเทศไทย”ที่จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจโดยระบุว่า2560 จะเป็นปีที่ต้องทำให้สำเร็จ(Year of Execution)จุดเปลี่ยนประเทศไทยขึ้นอยู่กับ 4 ด้าน

1.ดิจิตอล เทคโนโลยีที่จะเกิดทุกแห่งหนในไทยโครงการลงทุนอินเตอร์เน็ต บรอดแบนด์ ด้วยงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทจะต้องเดินหน้าเพื่อเปลี่ยนทั้งพฤติกรรมการบริโภค การศึกษาและช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเปลี่ยนประเทศ

2.โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้นโครงการขนาดใหญ่ รถไฟทางคู่ ถนน และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่จะเชื่อมต่อความเจริญ โดยEECจะเป็นแหล่งเพาะบ่มอุตสาหกรรมในไทยและจูงใจนักลงทุนต่างประเทศเข้ามา เป็นจุดที่จะช่วยให้ไทยเกิดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก

3.การพัฒนาภาคการเกษตร ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)เป็นเจ้าภาพในการหาเกษตรกรต้นแบบ หรือ สมาร์ท ฟาร์เมอร์ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีการเกษตรรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ผู้นำแต่ละหมู่บ้านเป็นหัวขบวน ทั้งการฝึกกรรมการหมู่บ้าน พัฒนาอี-คอมเมิร์ซและสตาร์ตอัพ ให้เกิดขึ้น เพื่อนำสินค้าสู่ตลาดโลก

4.งบประมาณซึ่งเปลี่ยนการจัดสรรงบประมาณเชื่อมต่อของ 2 กระทรวง เพราะเน้นเป็นโครงการโดยกระจายลงในพื้นที่และกลุ่มจังหวัดเพื่อให้เกิดการพัฒนาและใช้ทรัพยากรในพื้นที่ หรือท้องถิ่นซึ่งแผนการใช้งบกลาง 1 แสนล้านบาทซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้น “ดิจิตอล อีโคโนมี”

“หน้าที่ผมปักหลักฐานให้ลึกที่สุด แค่ 4 โครงการ ประเทศไทยข้างหน้าจะเปลี่ยนหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับคนที่จะสานต่อและผลักดันเวลาเรามีไม่มากแต่อยากทำให้ดีที่สุดและให้ภาคเอกชนช่วยขับเคลื่อน”

TP11-3227-b นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่าจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเขยิบขึ้นอีกชั้นตามศักยภาพเศรษฐกิจไทยที่ควรจะโตได้4% เป็นประเด็นที่กระทรวงการคลังได้รับโจทย์ เพราะไทยอยู่ในวงจรกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางหากเศรษฐกิจไทยขยายตัวไปที่ 4 หรือ 4.5%เวลา80ปียังไม่พ้นกับดัก

ปัจจุบันไทยอยู่ในกับดักนี้มา20ปีแล้ว รัฐบาลจึงพยายามจะกระตุ้นใจเอกชน ทั้งอัดฉีดเงินสู่ระบบช่วง 2-3ปีที่ผ่านมาและปีงบประมาณนี้จัดทำงบประมาณขาดดุล 3.9แสนล้านบาท และทำเพิ่มเติมอีก 1.9แสนล้านบาทเพื่อซื้อใจเอกชน

“เอกชนคงต้องช่วยรัฐบาลแล้ว เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มรวดเร็วต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการสร้างสตาร์อัพนั้นแม้ไม่ง่าย แต่สามารถทำได้อย่างถูกทิศถูกทางและมีภาคเอกชนทุกภาคส่วนช่วยกัน”

นอกจากนี้แผนส่งเสริมการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งปีนี้จะเริ่มมี“กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” เป็นครั้งแรก ด้วยวงเงิน 1หมื่นล้านบาทโดยมั่นใจจะดึงอุตสาหกรรมโลกหลากสาขาเข้ามาสร้างงานในไทยเป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามหยอดเงินกระตุ้นเพื่อซื้อใจเอกชน และจุดเปลี่ยนขอให้เอกชนต้องเข้ามาExecution และทุกองคาพยพทุกภาคส่วนเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตยั่งยืน

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า ปีนี้ปัจจัยต่างๆดีขึ้นมากทั้งกำลังซื้อภายในประเทศและตลาดตะวันออกกลางและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งภาคอุตสาหกรรมนั้นต้องเห็นโอกาสจึงจะลงทุน หากมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่อเนื่องถึงปีนี้จะทำให้นักลงทุนกล้าลงทุน ดังนั้นปีนี้ต้องเป็น Year of Execution

“จุดเปลี่ยนประเทศไทย ที่สำคัญคือการเปลี่ยนคนไทย เพราะสิ่งที่พวกเราทำกันอยู่วันนี้ในอีก 10-20ปีข้างหน้าคนทำไม่ได้ใช้ เพราะฉะนั้นจะส่งมอบให้คนไทยเปลี่ยนแนวคิดเป็นสาธารณะประเทศไทยจำเป็นจะต้องก้าวไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 หรือIndustry 4.0”

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้มี 3 ประเด็นที่จะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย คือ 1.การเปลี่ยนถ่ายอำนาจการเมืองปลายปี2. การเข้าสู่สังคมสูงอายุและ 3.การเปลี่ยนแปลงสภาวการณ์ของโลกใน 3 เรื่อง คืออัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)กระแสต่อต้านมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) ในกลุ่มประเทศยุโรปและการเปลี่ยนแปลงด้านไอที

“ผลกระทบต่อไทยเวลานี้แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่เคลื่อนไหว แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับขึ้นไปแล้ว 0.6% ซึ่งแนวโน้มเข้ายุคการเงินตึงตัว และธนาคารพาณิชย์เริ่มระดมเงินฝาก”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,227 วันที่  15 - 18  มกราคม 2560