โดมิโน‘บีอี’ลาม! เชาว์สตีลส่อรายต่อไป-EFORLดิ้นจ่าย200ล้าน

16 ม.ค. 2560 | 07:00 น.
เบี้ยวตั๋วบี/อีเริ่มลามโดมิโน จับตาเชาว์ สตีล อินดัสทรี้ เป็นรายต่อไป ผู้บริหารโต้มีเงินพร้อมคืนหนี้ ส่วน IFEC หมดหนทาง ‘อีฟอร์แอล’ดิ้นจ่าย 200 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) โซลาริสฯ ทำหนังสือแจ้งผู้ถือหน่วยลงทุนว่า บริษัท อี ฟอร์ แอล เอมฯ(EFORL) ชำระคืนตั๋วแลกเงิน(บี/อี)มูลค่า 200 ล้านบาทไม่ได้ตามกำหนดวันที่ 12 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา โซลาริสจึงไม่สามารถจัดสรรเงินคืนให้กับผู้ถือหน่วยได้ตามกำหนด

ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวให้จับตา บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ฯ (CHOW) เป็นรายต่อไป ที่อาจจะไม่สามารถชำระคืนตั๋วบี/อีได้ตามกำหนด เนื่องจากมีภาระหนี้สินจำนวนมาก

ส่วนบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่นฯ(IFEC) ที่ขอเลื่อนจ่ายเงินคืน 200 ล้านบาท จากวันที่ 5 มกราคม เป็นวันที่ 11 มกราคม แต่เมื่อถึงกำหนดก็ไม่มีเงินคืนให้กับ บลจ.โซลาริสฯ ซึ่งเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สั่งหยุดพักการซื้อขายหุ้น IFEC ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคมเป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะชี้แจงข้อมูลเรื่อง ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบี/อี เพราะเป็นเรื่องสำคัญ มีผลต่อการตัดสินใจลงทุน

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการ ผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า การผิดนัดตั๋วบี/อี ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา โดยขอความร่วมมือจากบลจ. ในฐานะนักลงทุน ให้แจ้งเรื่องไม่ต่ออายุตั๋วให้บริษัทผู้ออกตั๋วล่วงหน้า เร็วขึ้น จากที่ผ่านมาเคยแจ้ง 2 สัปดาห์ ก็ให้เพิ่มขึ้นเป็น 1 เดือน เพื่อให้ผู้ออกมีเวลาเตรียมหาแหล่งเงินทุนในการำมาชำระคืนตั๋ว

ด้านแหล่งข่าวจากบริษัทจดทะเบียน(บจ.) กล่าวว่า เรื่องการลงทุนตั๋วบี/อี ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารบจ.บางราย ให้ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในตั๋วบี/อีของ IFEC และ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ฯ(KC) เท่าไร คาดว่าวัตถุประสงค์ในการสุ่มตรวจครั้งนี้ เพื่อต้องการประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับ บริษัทจดทะเบียน หลังจากทราบข้อมูลการลงทุนของ บลจ. แล้ว

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีมีบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากขึ้นที่ไม่สามารถชำระคืนตั๋วบี/อีได้ ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการหารือและประเมินสถานการณ์ ที่เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น แต่เหตุผลหนึ่งคงเป็นเรื่องของบริษัทที่อาจจะมีประเด็นด้านอื่นๆด้วย ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา ทั้งนี้ การใช้บี/อี ในช่วงนี้ มีการเบลี่ยนแปลง เรื่องอัตราดอกเบี้ย และการต่ออายุ บริษัทที่มีเครดิตน้อย ก็อาจจะมีปัญหา

สำหรับบริษัท อี ฟอร์ แอล เอมฯ หลังจากผิดนัดตั๋วบี/อีเป็นรายที่ 4 ได้ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ ว่า EFORLได้ประสานงานกับบลจ.โซลาริสฯ เพื่อชำระเงิน 200 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 12 มกราคม 2560 โดยบลจ.โซลาริสฯ ตกลงจัดหาแหล่งเงินเพื่อการรีไฟแนนซ์ตั๋วดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2560 แต่เมื่อ ณ วันที่ 12 มกราคม 2560 เวลา 14.30 น. ทาง EFORL ได้รับแจ้งจากบลจ.โซลาริสฯ ว่าไม่สามารถดำเนินรายการดังกล่าวได้แล้ว อีกทั้งยังออกประกาศกล่าวหาว่าพฤติกรรมของผู้ออกตั๋วมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้

“ การออกตั๋วแลกเงินแต่ละครั้งของ EFORL นั้น ล้วนได้รับการพิจารณาลงทุนจากกองทุนต่าง ๆ ซึ่งได้รับคำแนะนำบลจ.โซลาริส ทั้งสิ้น โดยให้ข้อเสนอเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าสถาบันการเงินอื่น และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่จะทำให้ EFORL ได้รับประโยชน์สูงสุด ดังนั้น การกล่าวอ้างตามประกาศของโซลาริสที่อ้างถึงไม่เพียงแต่เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของ EFORL แล้ว ยังเป็นการทำลายตลาดตราสารหนี้ระยะสั้นของประเทศด้วย นอกจากนั้นยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้ถือหน่วยลงทุนโดยรวม รวมทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อยของ EFORL อีกด้วย”

EFORL ขอยืนยันว่า EFORL ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้รายใดและมีฐานะการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง มีผู้ถือหุ้นหลักที่มีความสามารถในการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ได้รับความเชื่อถือจากสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศ และพร้อมให้การสนับสนุนการประกอบการของ EFORL ในทุกด้าน EFORL จึงจะดำเนินการชำระหนี้ตั๋วแลกเงินที่ครบกำหนดดังกล่าวให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด

ข่าวเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของ EFORL ส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทอย่างรุนแรง วันที่ 13 มกราคม ราคาหุ้นรูดลงแรง 9.68% หรือ 0.03 บาท ปิดที่ 0.28 บาท

อีฟอร์แอลเอมฯจ่ายหนี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบลจ.โซลาริสฯแจ้งว่า วันที่ 13 มกราคม บริษัทอีฟอร์แอล เอมฯ ได้ชำระหนี้บี/อี มูลค่า200 ล้านบาทครบถ้วนแล้ว ส่วนหนี้บี/อีทั้งหมดของอี ฟอร์ แอล เอม จะไม่ผิดนัดอีกแล้ว เพราะการผิดนัดครั้งนี้ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงมาก

ผู้บริหารทางการเงินของ บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ฯ กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ ได้ยินข่าวเรื่องบริษัท CHOW จะเป็นรายต่อไปที่ไม่สามารถชำระคืนหนี้บี/อีได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด บริษัทมีเงินเตรียมไว้เพร้อมสำหรับการขำระคืนบี/อี โดยในเดือนมกราคม ถึงกำหนดชำระคืนรวม 600 ล้านบาท และได้ทยอยชำระ ตั้งแต่วันที่ 5 จำนวน 150 ล้านบาท วันที่ 12 จำนวน 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือถึงกำหนดคืนวันที 19 และ 26 มกราคม ซึ่งก่อนที่จะครบกำหนดประมาณ 2 สัปดาห์ ได้มีการติต่อผู้ลงทุนว่าจะต่ออายุหรือไม่ หากต้องการขอเงินคืน ก็ยินดีชำระตามกำหนดทุกครั้งไป

ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์สูงกว่าหนี้สิน ในส่วนบี/อีมียอดคงค้างประมาณ 3,00 ล้านบาท มีหุ้นกู้ระยะยาว 1-2 ปี มูลค่า 2,000 ล้านบาท ส่วนหนี้ที่เหลือเป็นของสถาบันการเงิน

“ บริษัทฯกำลังยื่นไฟลิ่ง เพื่อขอออกหุ้นกู้ อายุ 2 ปี วงเงิน 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะขายในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ อัตราดอกเบี้ยประมาณ 5.5% เพื่อขำระคืนตั๋วบี/อีทั้งหมด และยังอยู่ระหว่างการขอใช้สินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์อีกแห่งหนึ่ง” แหล่งข่าวกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,227 วันที่  15 - 18  มกราคม 2560