ส่งออกจีนฮวบ7.7% คาดแนวโน้มลดต่อเนื่องจากนโยบายทรัมป์

16 ม.ค. 2560 | 14:00 น.
ส่งออกจีนทรุดหนักกกว่าคาด โดยลดลง 6.1% ในเดือนธันวาคม และลดลง 7.7% ตลอดทั้งปี 2559 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า จากปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์

สำนักงานศุลกากรของจีนเปิดเผยตัวเลขการส่งออกในเดือนธันวาคม 2559 ลดลง 6.1% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ซึ่งขยายตัว 0.1% นับเป็นการลดลงของตัวเลขการส่งออกร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2552 โดยตัวเลขดังกล่าวถือว่าย่ำแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ โดยการประเมินก่อนหน้านี้ของเดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล คาดการณ์ว่าการส่งออกของจีนในเดือนธันวาคมจะลดลง 3% เท่านั้น

ส่วนด้านการนำเข้าในเดือนธันวาคมสูงขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ซึ่งตัวเลขอยู่ที่ 6.7% ส่งผลให้สัดส่วนดุลการค้าของจีน ยอดเกินดุลการค้าลดลงกว่าที่คาดไว้ คิดเป็นมูลค่า 4.082 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายนซึ่งอยู่ที่ 4.461 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งหมดนี้ทำให้ตัวเลขการส่งออกโดยรวมในปี 2559 ลดลง 7.7% และการนำเข้าลดลง 5.5% คิดเป็นมูลค่าการค้าเกินดุลตลอดทั้งปี 5.1แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งต่ำกว่าการค้าเกินดุลในปี 2558 ที่มีมูลค่า 5.945 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นายหวง ซองปิง โฆษกสำนักงานศุลการกรของจีน ระบุว่า ปีนี้เป็นปีที่หนักหน่วงในการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จำกัดการเติบโตของการส่งออกจีนเนื่องมาจากมาตรการกีดกันทางการค้ามากขึ้น โดยแนวโน้มของการต่อต้านโลกาภิวัตน์จะกลายเป็นที่ชัดเจนมากขึ้นและประเทศจีนจะเป็นเหยื่อที่ใหญ่ที่สุด

"เราจะให้ความสำคัญอย่างใกล้ชิดกับนโยบายการค้าระหว่างต่างประเทศภายหลังจากทรัมป์จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม" นายหวงกล่าว

ด้านนายแฟน ซาน นักเศรษฐศาสตร์จากอาร์เอชบี กรุ๊ป ให้ความเห็นว่า การส่งออกจะเผชิญกับความท้าทายในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า โดยมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลของนายทรัมป์จะเลือกใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวกับจีน ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากศุลกากรสหรัฐฯ จีนเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 3.66 แสนล้านดอลลาร์หสรัฐ ในปี 2558

ด้านนักเศรษฐศาตร์ของธนาคารเอเอ็นแซด แสดงความเป็นกังวลถึงการค้าของจีนจะสร้างความอ่อนแอต่อโครงสร้างการส่งออกของจีนในระยะยาว "นโยบายการค้าของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้ธุรกิจของสหรัฐฯ ย้ายฐานการผลิตของพวกเขาออกจากประเทศจีน ถึงแม้การส่งเสริมการผลิตสินค้าระดับไฮเอนด์อาจชดเชยส่วนหนึ่งจากการสูญเสีย"

นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า กำแพงภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น หรือนโยบายที่เกี่ยวข้องจากรัฐบาลทรัมป์ที่จะส่งผลให้การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดลงนั้น อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของจีน "นโยบายกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น หรือความตึงเครียดทางการค้า อาจส่งผลลบต่อควมเชื่อมั่น ตลอดจนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ" นักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซี ระบุในรายงาน พร้อมกับเสริมว่า จีนมีโอกาสตอบโต้ความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ด้วยการยกระดับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนกับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆ

ขณะที่นายเวน บิน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารมินเชงในปักกิ่ง กล่าวว่า "การกีดกันทางการค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่จีนก็พึ่งพาความต้องการภายในประเทศเพิ่มขึ้น"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,227 วันที่  15 - 18  มกราคม 2560