แกมโบลทุ่มงบ40ล้านปั้น‘คาเนีย’ ชู‘หนังคุณภาพ’รุกรองเท้าผู้ใหญ่

13 ม.ค. 2560 | 08:00 น.
บิ๊กสตาร์ ทุ่มงบ 30-40 ล้านบาท ปั้นแบรนด์คาเนีย ขยายฐานสู่รองเท้าคุณภาพรุกตลาดผู้ใหญ่วัยทำงาน พร้อมเดินหน้าเสริมแกร่งแบรนด์แกมโบลชูหัวหอกหลักรุกตลาดต่อเนื่อง พร้อมจ่อเปิดตัวสินค้าใหม่ตลอดปีกว่า 100 รายการ หวังโกยรายได้ สิ้นปี 1,800 ล้านบาท

นายสุรชัย กิจกำจาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์รองเท้า แกมโบล เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทได้เตรียมงบประมาณทางการตลาดในปีนี้ไว้ที่ 30-40 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่ใช้งบประมาณทางการตลาด 20 ล้านบาท โดยจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดในส่วนของแบรนด์แกมโบลเป็นหลักเนื่องจากบริษัทเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดราว 50-60% ขณะที่รองลงมาจะเป็นงบประมาณในส่วนของการปั้นแบรนด์คาเนีย (Cania) ให้แข็งแกร่งในตลาดมากยิ่งขึ้น หลังจากที่มีการทดลองวางตลาดไปตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา โดยเน้นขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าวัยทำงานและวัยผู้ใหญ่ในราคาที่สูงกว่ารองเท้าแกมโบลประมาณ 10% ทั้งนี้จะช่วยทำให้ผู้บริโภคแบ่งแยกกลุ่มสินค้าและลดความสับสนด้านการใช้งานได้ชัดเจนขึ้น และช่วยให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 20% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1ล้านคู่ต่อเดือน

"การที่บริษัทแตกไลน์สินค้ามายังแบรนด์คาเนีย เนื่องจากต้องการแยกโพสิชันนิงของสินค้าในการเจาะกลุ่มผู้ใหญ่ให้ชัดเจนมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทมีไลน์สินค้าหลักอย่างแกมโบลในการเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการทับซ้อนขัดแย้งกันเองระหว่างแบรนด์ในเครือ"

ทั้งนี้แนวทางการขยายตลาดของแบรนด์คาเนียนั้นจะมีการนำวัตถุดิบหนังแท้เข้ามาใช้ในการผลิต เพื่อให้รองเท้ามีคุณภาพสูง นุ่ม สวมใส่สบาย สำหรับเจาะลูกค้าระดับกลางถึงระดับบนที่กำลังซื้อยังดีอยู่ และช่วยทำให้มีฐานลูกค้าครอบคลุมมากขึ้นทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ทุกเดือนปีละประมาณ 100 รายการ เพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจรองเท้าเมืองไทยที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีทีผ่านมาพบว่ามีผู้เล่นทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่เข้ามาทำตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางรายก็สามารถสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดได้ ขณะที่บางรายก็หายไปจากตลาดเนื่องมาจากมาสอดรับกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภค

ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ประเมินว่าทุกธุรกิจยังอยู่ในภาวะที่ลำบาก เนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ทำให้ส่งผลกระทบกันเป็นห่วงโซ่ ซึ่งประเทศไทยเองยังคงประสบปัญหาด้านราคาสินค้าเกษตรตกต่ำที่ทำให้มีผู้ผลิตมากกว่าผู้ใช้งานจนสินค้าล้นตลาด ทั้งนี้จึงต้องรอความหวังจากทางรัฐบาลที่จะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าช่วย

อย่างไรก็ตามสำหรับผลการดำเนินงานในสิ้นปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ 22% หรือรายได้ 1,500 ล้านบาท เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับสินค้าโดยแบ่งกลุ่มการใช้งานที่ชัดเจนขึ้น บวกกับการตลาดและการออกแบบสินค้าที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของลูกค้า จึงทำให้เติบโตดีกว่าภาพรวมตลาดรองเท้าทั้งอุตสาหกรรมซึ่งคาดว่ามีโอกาสติดลบ จากผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวมและอารมณ์การจับจ่ายของผู้บริโภคช่วงปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่เป้าหมายรายได้ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ 20% หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,226 วันที่ 12 - 14 มกราคม 2560