ซัมซุงเพิ่มช่องขายออนไลน์ ทุ่มงบเท่าตัวอัดโปรโกยยอด

13 ม.ค. 2560 | 10:00 น.
กระแสตลาดยุคดิจิตอลมาแรง "ซัมซุง" สบช่องทุ่มงบเพิ่มกว่าเท่าตัวปั้นยอดขายผ่านออนไลน์ หลังพบพฤติกรรมผู้บริโภคนิยมสั่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าออนไลน์มาแรงอันดับ 2 รองจากแฟชั่น พร้อมปรับโฉมร้านสู่แนวคิด "ซัมซุง โอเพน เฮาส์"เพิ่มอีก 10 สาขา หวังสร้างความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค

นางวรรณา สวัสดิกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า "ซัมซุง" เปิดเผยว่า แผนการตลาดของบริษัทในปีนี้จะให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ผ่านงบประมาณในส่วนของการทำกิจกรรมต่างๆในช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีก่อน เนื่องจากเล็งเห็นพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่มีการเสพสื่อดิจิตอลมากถึง 4.2 ชั่วโมงต่อวัน และยังซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่ปัจจุบันมีอำนาจในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์คิดเป็นสัดส่วน 74% และผู้ชายอยู่ที่ 26% โดยกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่มีการซื้อในช่องทางออนไลน์เป็นอันดับ 2 รองจากกลุ่มสินค้าแฟชั่น

"แผนงานหลักในปีนี้จะเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่าย สะดวกสบาย เอื้อต่อกลุ่มคนทำงาน กลุ่มผู้หญิง และกลุ่มคนรักสุขภาพ การสื่อสารครอบคลุมทุกกลุ่มโดยเน้นไปที่สื่อดิจิตอลมากขึ้น และบริการหลังการขาย ที่จะปรับปรุงช่องทางการให้บริการแก่ลูกค้าผ่านแอพพลิเคชัน เพื่อเพิ่มความสะดวก"

สำหรับแนวทางในการทำตลาดในช่องทางออนไลน์นับจากนี้ จะเน้นการสื่อสารและสร้างการรับรู้ รวมถึงแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านทางสื่อดิจิตอล อาทิ เฟซบุ๊ก กูเกิลและไลน์พร้อมทั้งแจ้งข่าวสาร หรือคูปองสิทธิพิเศษหรือการลดราคาสินค้าต่างๆ ซึ่งจากการทำดังกล่าวเพื่อต้องการให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมเปิดบริการซื้อขายสินค้าผ่าน www.Samsung.com ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งจะนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในช่องทางในการสร้างยอดขาย จากเดิมที่เป็นช่องทางในการสื่อสารและให้ข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์ ควบคู่กับทั้งนี้การเตรียมงบการตลาดเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10% ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ อาทิ โปรโมชันใหญ่ต่อเนื่องตลอดทั้งปี พร้อมกันนี้ยังได้ปรับโฉมร้านให้เป็นไปตามแนวคิด "ซัมซุง โอเพน เฮาส์" เพิ่มอีก 10 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 10 สาขา ซึ่งหากดำเนินงานได้ตามแผนจะส่งผลให้มีสาขารูปแบบดังกล่าว 20 สาขาในสิ้นปีนี้

ขณะที่สินค้าที่ขายดียังคงเป็นกลุ่มเครื่องซักผ้า ระดับราคา 8,000- 1 หมื่นบาท รองมาคือกลุ่มไมโครเวฟ 3,000-5,000 บาท และกลุ่มทีวีโดยเฉพาะจอภาพขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันการขายสินค้าผ่านช่องทางนี้ส่วนใหญ่เป็นของคู่ค้าของบริษัท และเชื่อว่าหลังจากเปิดให้บริการซื้อขายผ่าน www.Samsung.com จะทำให้สัดส่วนการขายจากช่องทางนี้ เพิ่มเป็น 5-10% ในช่วง 3-5 ปีจากนี้ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามในส่วนของผลประกอบการในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน หรือเอชเอ ในปี 2559 มีการเติบโตสูง 2 เท่าตัว เมื่อเทียบกับตลาดรวมที่เติบโต 4% โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากกลุ่มเครื่องปรับอากาศ 40% ตู้เย็น 25% ซักผ้า 25% ไมโครเวฟและเครื่องดูดฝุ่น 10% พร้อมกันนี้ยังตั้งเป้าผลประกอบการในปีนี้ว่าจะมีการเติบโตประมาณ 12-15% ซึ่งจะทำให้ครองความเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน ขณะที่ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านในปี 2560 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 4.7 หมื่นล้านบาท หากภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศมีแนวโน้มดี มาจากการลงทุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐ จะทำให้มีมูลค่าถึง 5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 5%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,226 วันที่ 12 - 14 มกราคม 2560