‘แมคโดนัลด์’ขายหุ้นธุรกิจจีน เปิดทางเร่งลงทุนขยายสาขา

13 ม.ค. 2560 | 14:00 น.
แมคโดนัลด์ ประกาศขายหุ้นส่วนใหญ่ของธุรกิจในจีนและฮ่องกงให้กับกลุ่มทุนท้องถิ่น หวังอาศัยเครือข่ายของผู้ประกอบการท้องถิ่นในการเจาะเข้าสู่ตลาดเมืองระดับ 2 และ 3 ของจีนให้มากขึ้น

แมคโดนัลด์คอร์ป เชนฟาสต์ฟูดยักษ์ใหญ่ของโลก เปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า ได้ทำข้อตกลงขายหุ้น 80% ในธุรกิจในจีนและฮ่องกง หรือคิดเป็นมูลค่ามากถึง 2.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับกลุ่มทุนซึ่งนำโดย บริษัท ซิติค จำกัด บริษัททุนรายใหญ่ของจีน และบริษัท คาร์ไลล์ กรุ๊ปฯ บริษัทหลักทรัพย์เอกชนของสหรัฐฯ โดยซิติคจะถือหุ้น 52% และคาร์ไลล์ถือหุ้น 28%

ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวมีระยะเวลาทั้งสิ้น 20 ปี และคาดว่ากระบวนการซื้อขายหุ้นจะเสร็จสิ้นในช่วงกลางปี 2560 นี้ โดยการทำข้อตกลงในครั้งนี้เท่ากับแมคโดนัลด์ได้รีแฟรนไชส์ร้านอาหารในจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงที่มีอยู่ทั้งหมดกว่า 2,600 แห่ง

ฟิลลิสเชง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแมคโดนัลด์ในจีน กล่าวว่า แมคโดนัลด์จะใช้ประโยชน์จากความเข้าใจที่มีต่อตลาดท้องถิ่นอย่างถ่องแท้ของหุ้นส่วนอย่างซิติคและคาร์ไลล์ เพื่อขยายร้านอาหารอีก 1,500 สาขาในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นไปที่เมืองระดับ 2 และ 3 ของจีนเป็นหลัก โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกและภาคกลางของจีนที่เชงมองว่ายังมีโอกาสอยู่อีกมาก

ขณะเดียวกันการสร้างสรรค์เมนูอาหาร ความสะดวกสบายของร้านอาหาร การนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ และบริการจัดส่งอาหาร จะเป็นประเด็นหลักๆ ที่แมคโดนัลด์ให้ความสำคัญ เพื่อหวังดึงดูดลูกค้าในระดับชนชั้นกลางของจีนที่เริ่มมีความต้องการบริโภคอาหารคุณภาพสูงและดีต่อสุขภาพมากขึ้น

"ทรัพยากรของซิติคและคาร์ไลล์จะช่วยให้แมคโดนัลด์ขยายได้อย่างรวดเร็ว และปรับปรุงร้านอาหารเก่าซึ่งต้องอาศัยค่าใช้จ่ายสูง เมื่อดูจากที่แมคโดนัลด์ตามหลังเคเอฟซีในแง่ของจำนวนร้านอาหารในจีน เราคาดว่าพวกเขาจะรุกขยายร้านค้าและลงทุนอย่างหนัก" เบน คาเวนเดอร์ นักวิเคราะห์จากไชน่า มาร์เก็ต รีเสิร์ช กรุ๊ป ให้ความเห็น

แมคโดนัลด์และเชนร้านอาหารรายใหญ่อื่นๆ ของสหรัฐฯ กำลังพยายามนำโครงสร้างที่เรียกว่า asset-light structure หรือการขายร้านอาหารต่างๆ ออกไปให้เหลือเพียงแต่แบรนด์มาใช้ โดยโครงสร้างธุรกิจดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถทำเงินรายได้จากการขาย ในขณะที่ลดความเสี่ยงและต้นทุนที่มากับการบริหารจัดการพนักงานและอสังหาริมทรัพย์

แมคโดนัลด์กล่าวเมื่อปีก่อนว่ากำลังมองหาหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ในเอเชีย และพร้อมที่จะรีแฟรนไชส์ร้านอาหารจำนวน 4,000 แห่งภายในสิ้นปี 2561 พร้อมกับตั้งเป้าหมายระยะยาวว่าจะปรับร้านค้า 95% ให้เป็นแฟรนไชส์

เมื่อไม่นานมานี้ คู่แข่งสำคัญของแมคโดนัลด์อย่าง ยัม แบรนด์ส ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในจีนเช่นเดียวกัน ด้วยการแยกร้านเคเอฟซี 5,000 แห่ง และพิซซ่า ฮัท 2,000 แห่งออกไปอยู่ภายใต้บริษัทใหม่ที่ใช้ชื่อว่า ยัม ไชน่า โฮลดิ้งส์ แม้ว่าปัจจุบันแมคโดนัลด์จะเป็นเชนร้านอาหารฟาสต์ฟูดที่ใหญ่ที่สุดของโลกในแง่ของรายได้ และเป็นแบรนด์ฟาสต์ฟูดอันดับ 1 ในหลายๆ แต่ตลาด แต่ในตลาดจีน ยัมมีร้านอาหารจำนวนมากกว่าแมคโดนัลด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริหารของซิติคต้องการเปลี่ยนแปลง "จีนเป็นตลาดขนาดใหญ่อันดับ 2 ของแมคโดนัลด์ แต่แมคโดนัลด์เป็นแบรนด์อันดับ 2 ในแง่ของจำนวนร้านอาหาร ซึ่งไม่ใช่จุดที่แมคโดนัลด์ควรอยู่" ยี่เฉิน ซาง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซิติคแคปิตอล กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,226 วันที่ 12 - 14 มกราคม 2560