เร่งคลอดตลาดกลางข้าวสาร พาณิชย์ดึงชาวนา-โรงสี-หยง-ผู้ส่งออกร่วมเจรจาการค้า

12 ม.ค. 2560 | 07:00 น.
“อภิรดี” ชูงานสำคัญปี 60 เร่งดันตลาดกลางข้าวสารแจ้งเกิดภายในไตรมาสแรกของปี หวังช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองชาวนาไม่ถูกกดราคาข้าวเล็งพื้นที่เมืองนนท์เป็นที่ตั้ง ลั่นคุมเข้มสินค้าฉวยโอกาสขึ้นราคา มั่นใจส่งออกไทยปีนี้ขยายตัวได้ 3-3.5% พร้อมแจงศาลคดีข้าวจีทูจี

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงทิศทางการทำงานในปี 2560 ว่า งานเร่งด่วนที่สำคัญในปีนี้คือการเดินหน้าจัดตั้งตลาดกลางข้าวสารครบวงจรทั้งค้าปลีกและค้าส่ง ซึ่งจะเป็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งชาวนา โรงสี ผู้ค้าข้าว(หยง) ผู้ส่งออก โดยจะผลักดันจัดตั้งให้เป็นรูปธรรมและเริ่มทำการค้าได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้ชาวนาสามารถนำข้าวสารมาขายได้โดยตรง

สำหรับรูปแบบการจัดสร้างตลาดกลางนั้น กระทรวงจะหาผู้ลงทุนที่เป็นภาคเอกชนซึ่งได้สอบถามเอกชนหลายรายต่างให้ความสนใจแต่อยู่ระหว่างการหารือรูปแบบการทำธุรกิจ เบื้องต้นคาดจะจัดสร้างในพื้นที่ภาคกลางเช่นที่จังหวัดนนทบุรี เนื่องจากสะดวกต่อการขนส่ง โดยหากสามารถจัดตั้งได้สำเร็จจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับชาวนาที่ไม่ต้องนำผลผลิตไปขายที่โรงสีในพื้นที่เพียงแห่งเดียว ซึ่งจะช่วยทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นได้หากมีผู้ซื้อหลายรายแข่งขันกัน

"นอกจากนี้ในส่วนของการดูแลราคาสินค้าเกษตรยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก การเชื่อมโยงมันสำปะหลังเข้าสู่อุตสาหกรรมเอทานอล การเจรจาและจับคู่ธุรกิจขยายตลาดแป้งมัน มันเส้น มันอัดเม็ด และกากมันอัดเม็ดในต่างประเทศ ขณะที่ในเรื่องการกำกับดูแลราคาสินค้าลดค่าครองชีพของประชาชนในปีใหม่นี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดและส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบพื้นที่เป็นประจำเพื่อป้องกันการฉกฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรม"

ขณะเดียวกันจะเดินหน้าในการสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร ด้วยการส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม การสร้างอัตลักษณ์กลุ่มข้าวเฉพาะกลุ่ม เช่น สินค้าเกษตรอินทรีย์ และสินค้า GI ผ่านการผลักดันโครงการสำคัญ เช่น โครงการต้นแบบการใช้การตลาดนำเศรษฐกิจการค้าสินค้าเกษตร การเสริมสร้างการผลิตและการตลาดข้าวอินทรีย์ โครงการสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ไทยเข้มแข็งสู่สากล เป็นต้น

"ส่วนการผลักดันการส่งออก ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ในปีนี้มั่นใจว่าการส่งออกของไทยจะขยายตัวเป็นบวกอย่างแน่นอน โดยกระทรวงตั้งเป้าหมายจะขยายตัวที่ 3-3.5% กลยุทธ์สำคัญสำคัญจะเน้นยุทธศาสตร์ความเป็นพันธมิตรกับประเทศคู่ค้า มีการส่งเสริมสตาร์ตอัพ ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าและบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก"

อย่างไรก็ดีปัจจัยเสี่ยงการส่งออกในปีนี้ยังมีความกังวลจากแนวโน้มนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจยุโรปที่ยังเรื้อรัง ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งและคู่ค้าสำคัญอื่นๆ อาทิ มาเลเซีย และสหภาพยุโรปทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยกระทรวงคาดจะขยายตัวได้ประมาณ 3-4% ซึ่งสอดคล้องกับหลายหน่วยงานที่คาดการณ์ไว้

นางอภิรดี ยังกล่าวถึงผลงานของกระทรวงพาณิชย์ในรอบปี 2559 ที่ผ่านมาเป็นที่น่าพึงพอใจโดยเฉพาะการดูแลราคาข้าวให้ปรับตัวดีขึ้น จากมาตรการต่างๆที่ออกมาดูแลอย่างทั่วถึงทำให้ชาวนามีรายได้ที่เหมาะสมและราคาข้าวมีเสถียรภาพมากขึ้นและแข่งขันส่งออกได้ดีขึ้น ส่งผลให้ปี 2559 ส่งออกข้าวได้มากกว่า 9.5 ล้านตัน และคาดปี 2560 จะส่งออกได้เพิ่มเป็นเกือบ10 ล้านตัน ส่วนผลงานที่ยังไม่เข้าตา เช่นงานคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่คั่งค้างอยู่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งจะเร่งดำเนินการต่อไป

ส่วนเรื่องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายคดีข้าวรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้นกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการบังคับทางปกครองไปหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนผู้ที่มีส่วนข้องทั้ง 6 คนได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองซึ่งหากศาลมีการขอข้อมูลมาก็พร้อมเตรียมเอกสารไปชี้แจง ส่วนกรณีที่มีผู้เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าว 6,000 รายที่ต้องมีการตรวจสอบเพื่อร่วมชดใช้ค่าเสียหายนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายชื่อของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จากกรมการค้าภายใน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,226 วันที่ 12 - 14 มกราคม 2560