บิวตี้ฯทุ่ม160ล.เปิด50สาขา ชูการตลาดดิจิตอลสร้างการเติบโต20%

09 ม.ค. 2560 | 07:00 น.
บิวตี้ เตรียมทุน 160 ล้าน เดินหน้าขยายร้านจำหน่ายสินค้าเพิ่ม50 แห่ง พร้อมพัฒนาระบบหลังบ้านเสริมความแข็งแกร่ง สร้างการเติบโตทำรายได้ทะลุ 3,100 ล้าน และกำไรโต 20% ชูกลยุทธ์การตลาดดิจิตอลต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มงบตลาดออนไลน์ต่อเนื่อง รับเทรนด์ผู้บริโภคยุคการตลาด 4.0

น.พ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและของใช้ส่วนบุคคล เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า ได้เตรียมงบลงทุน 160 ล้านบาท สำหรับการขยายธุรกิจ โดยแบ่งเป็นงบขยายสาขาร้านจำหน่ายสินค้า 110 ล้านบาท ได้แก่ ร้านบิวตี้บุฟเฟ่ต์ 30 แห่ง ร้านบิวตี้คอตเทจ 15 แห่ง และร้านบิวตี้มาร์เก็ต 5 แห่ง ส่วนงบลงทุนอีก 50 ล้านบาท เป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานภายใน ได้แก่ การปรับปรุงอาคารเก่า การพัฒนาระบบซอฟท์แวร์ และการพัฒนาระบบฐานข้อมูลต่างๆ
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2560 ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตไม่น้อยกว่า 20% หรือมีรายได้ 3,100 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิ 20% ซึ่งกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตในปีนี้ ยังคงเน้นการตลาดดิจิตอลเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทได้ใช้แนวทางการตลาดในรูปแบบดังกล่าวต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว สำหรับปีนี้ได้เพิ่มสัดส่วนงบประมาณการตลาดออนไลน์ 24% จากงบประมาณการตลาดรวมที่ไม่เกิน 3% ของยอดขาย จากปีที่ผ่านมามีสัดส่วนงบประมาณการตลาดออนไลน์ 21% ปี 2558 มีสัดส่วน 16% และปี 2557 ใช้สัดส่วน 12%

"บริษัทใช้ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งมาหลายปีแล้ว ใช้คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งและดิจิตอลทั้งที่ซื้อสื่อและของบริษัทเอง ปีนี้คงไม่ได้แตกต่างจากปีที่ผ่านมา ซึ่งปีที่ผ่านมาการตลาดออนไลน์ใช้กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ แต่ปีนี้จะเน้นกลุ่มลูกค้าผู้ใช้จริงให้มารีวิวสินค้า เน้นการเข้าถึงผู้บริโภคให้ชัดเจน การโฟกัสและการทำซีอาร์เอ็มทุกระดับลูกค้า การทำแคมเปญการตลาดให้ถึงลูกค้าเฉพาะเจาะจง และเซ็กเมนต์ลูกค้าแต่ละประเภทมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ทำกับลูกค้าทั่วไปเหมือนกัน การเน้นหาลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่า การเน้นสิทธิพิเศษ การทำสื่อให้จูงใจกลุ่มลูกค้า เช่น การสาธิต เพื่อเปลี่ยนจากคนดู คนชม มาเป็นคนซื้อ หรือกลยุทธ์ที่เรียกว่า คอนเวอร์ชัน มาร์เก็ตติ้ง"

นอกจากกลยุทธ์คอนเวอร์ชัน มาร์เก็ตติ้ง (Conversion Marketing) บริษัทยังเน้นคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการทำสื่อการตลาดให้โดนใจกลุ่มลูกค้า จากเดิมที่ใช้โปรโมชั่นเป็นตัวจูงใจ เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า โดยในปีนี้ถือว่าเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนมาสู่ยุคออนไลน์ ส่งผลให้การทำธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนตามทิศทางตลาดด้วยเช่นกัน โดยเป็นในทุกธุรกิจไม่เฉพาะในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเท่านั้น

น.พ.สุวิน กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการทำตลาดในยุค 4.0 นั้น มองว่าเป็นการทำตลาดด้วยการเชื่อมโยงเครื่องมือทางการตลาดต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน หรือการอินทริเกตเครื่องมือทางการตลาด ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว 1-2 ปี โดยเชื่อมโยงโลกออนไลน์เข้ากับออฟไลน์ จากการมองเห็นเทรนด์ผู้บริโภคที่จะอ่านรีวิวหรือหาข้อมูลสินค้าก่อนมาซื้อที่ร้าน และเมื่อใช้สินค้าแล้วชอบ หากเกิดการซื้อซ้ำก็อาจจะสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

"คีย์ซักเซสในการทำตลาดยุค 4.0 นั้น มีองค์ประกอบสำคัญพื้นฐาน 4 ประการ ได้แก่ 1. คอนเทนต์ ที่ทำออกมาแล้วโดนหรือไม่ คนนำไปแชร์ต่อหรือไม่ 2.ทำตลาดได้ตรงกลุ่มเป้าหามายหรือไม่ คอนเทนต์ที่จะโพสต์ต้องมีช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นองค์ความรู้ของแต่ละบริษัท 3.การจัดสรรงบประมาณไปในสื่อต่างๆ ให้ตรงจุดที่สุด และ 4.รู้จักลูกค้าของตัวเองแค่ไหน"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,225 วันที่ 8 - 11 มกราคม 2560