‘เอทีซีไอ’เตรียมเจรจาสกอ. ให้เร่งจับมือกับภาคเอกชนพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย

06 ม.ค. 2560 | 07:00 น.
สมาคม เอทีซีไอ เตรียมเจรจากับ สกอ. เร่งผลักดันพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยร่วมมือกับภาคเอกชนในลักษณะคอนซอร์เตียม หวังยกระดับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย

นายธนชาติ นุ่มนนท์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้สมาคมมีแผนเจรจากับ สกอ.(สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา) เพื่อให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย เนื่องจากเยาวชนไทยมีความสามารถ ดังนั้น สกอ.ควรจะให้เอกชนเข้ามาสนับสนุนในลักษณะคอนซอร์เตียม ซึ่งปัจจุบันภาคเอกชนให้ความร่วมมือและสนับสนุนอยู่แล้ว

นอกจากนี้แล้วเทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังเข้ามามีบทบาท เช่น ระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง รวมไปถึงอินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet Of Things) และ ระบบแมชีนเอนจิเนียริ่ง ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะ ระบบเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ขณะที่อุตสาหกรรมไอที และ ซอฟต์แวร์ ในประเทศตามไม่ทัน

“เราต้องนำสิ่งเหล่านี้นำเข้ามาในระบบการเรียนการสอนเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ นอกจากนี้แล้วอีกบทบาทหนึ่งของสมาคม คือ ผลักดันให้กระทรวงดีอี และ กระทรวงศึกษาธิการ เร่งพัฒนาสิ่งเหล่านี้”

นอกจากนี้แล้วในปีที่ผ่านมา เอทีซีไอ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า และ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) จัดงานประกาศความสำเร็จของเหล่าทีมจากประเทศไทยที่คว้ารางวัลในการประกวด APICTA โดยรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ บริษัท อีคาร์ทสตูดิโอ จำกัด จากผลงาน ระบบ LIMS (Location Information Management System) ในหมวด Financial Industry Application ซึ่งเป็นบริษัทที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ APICTA Awards เป็นครั้งที่ 3 จาก Application ที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตามการจัดงานที่ผ่านมา ยังสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ในการสร้างและส่งเสริมอุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศให้มีมูลค่าทางการตลาดสูงขึ้น เกิดความตื่นตัวในการผลิตและพัฒนาผลงานที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ต่อยอดเป็นการพัฒนาเชิงธุรกิจและอุตสาหกรรมด้านซอฟต์แวร์ในระดับนานาชาติ ผลักดันไอทีไทยสู่เวทีโลก

ด้านนายวุฒิกร มโนมัยวิบูลย์ บริษัท อีคาร์ทสตูดิโอ จำกัด เจ้าของผลงานระบบ LIMS ช่วยบริหารจัดการธุรกิจประกันภัยรถยนต์ ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ APICTA กล่าวว่า ระบบที่นำเสนอแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ระบบ LIMS for Call Center Dispatcher ซึ่งเป็นระบบที่เราได้พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยบริหารจัดการงานส่วนของ Call Center บริษัทประกันภัยรถยนต์ หลังจากที่ลูกค้าได้แจ้งเหตุเพื่อเคลมประกันภัยรถยนต์ผ่าน E-Policy ใน Wallet ที่ได้ร่วมกับบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ (Apple Computer Inc.) แล้ว โดยระบบจะช่วยอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนการทำงานภายในทีม Call Center ซึ่งสามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และทันท่วงทีกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

นอกจากนั้น ได้พัฒนา E-Policy for Client (On Wallet) เป็นกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์แทนการถือกรมธรรม์กระดาษแบบเดิม ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งอุบัติเหตุผ่านกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ใน Wallet ของสมาร์ทโฟนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยสามารถแจ้งข้อมูลของตัวเองและคู่กรณี ถ่ายภาพความเสียหาย รวมถึงส่งพิกัดของจุดเกิดเหตุเข้าบริษัทประกันได้ทันที หลังจากนั้น ด้าน Surveyor จะได้รับแจ้งพิกัดของจุดเกิดเหตุ พร้อมข้อมูลเบื้องต้นจาก Call Center ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุได้รวดเร็วและช่วยลดเวลาในการเก็บข้อมูลของ Surveyor ในที่เกิดเหตุลงได้เป็นอย่างมาก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,224 วันที่ 5 - 7 มกราคม พ.ศ.2560