ธุรกิจเครื่องจักรกลหนักเดือด ซานี่ไทยยนต์วาดฝัน3ปีกอดรายได้กว่า1.5พันล้าน

30 ธ.ค. 2559 | 08:00 น.
ซานี่ ไทยยนต์เร่งเครื่องรับตลาดโต เตรียมเปิดรถรุ่นใหม่ – ผุดไฟแนนซ์เอาใจลูกค้า- เพิ่มหน่วยธุรกิจมือสอง พร้อมลงทุนศูนย์บริการครบวงจร 2 แห่งลงทุนกว่า 50 ล้านบาท รองรับรถใหญ่ –เครื่องจักรกลหนัก มั่นใจแนวรุก 3 ปีดันยอดขาย 500 คัน หรือ โกยรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท

นายยศวัฒน์ เรืองรักษ์ลิขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซานี่ ไทยยนต์ จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดเครื่องจักรกลหนักมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด เนื่องจากโครงการต่างๆทั้งจากภาครัฐฯและภาคเอกชนเริ่มมีการเดินหน้า ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้า ,รถไฟรางคู่ ,ทางด่วน ,สนามบิน ซึ่งบริษัทประเมินแล้วว่าตลาดนี้จะเติบโตต่อเนื่องไปอีก 3 – 4 ปี

“ตลาดรถในกลุ่มนี้เติบโตมาก โดยผู้รับเหมารายใหญ่ๆมีงานล้นมือ ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเติบโตตาม และผู้ประกอบการแต่ละรายก็เริ่มมีการส่งแคมเปญ อาทิ ดอกเบี้ย 0% ,ขยายเวลารับประกัน , เงินดาวน์ 0 บาท ขณะที่การแข่งขันเฉพาะรถขุดตักก็ไม่แตกต่างกัน โดยในปี 2558 พบว่า มีจำนวนยอดขาย 3,400 คัน และในปี 2559 ยอดขายรวม 11 เดือนมีแล้วกว่า 4,100 คัน คาดว่าในปี 2560 ตลาดนี้จะมีปริมาณการขายรวม 5,000 คัน”

นายยศวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตของตลาดดังกล่าว บริษัทจึงมีแผนงานเริ่มตั้งแต่การเปิดตัว รถขุดรุ่น SY75C ระบบไฮดรอลิก ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ ISUZU รุ่น 4JG1-NABGB-04-C2 ประหยัดน้ำมัน, รถขุดรุ่น SY135C ระบบไฮดรอลิก เครื่องยนต์ ISUZU รุ่น 4BG1-TABGA เลือกโหมดการทำงาน 4 ระดับ, รถขุดรุ่น SY205C ระบบไฮดรอลิก เครื่องยนต์ MITSUBISHI รุ่น 6d34-TL เทคโนโลยีการควบคุมแบบไดนามิก ,รถขุดรุ่น SY215C ระบบไฮดรอลิก และ รถขุดรุ่น SY365 ระบบไฮดรอลิก สนนราคาตั้งแต่ 10 – 30 ล้านบาท ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าออกไปก็มีกลุ่มลูกค้าติดต่อขอซื้อ ซึ่งบริษัทได้ทยอยส่งมอบไปแล้วประมาณ 10 – 100 คัน

นอกจากนั้นแล้วจะมีการเพิ่มหน่วยธุรกิจไฟแนนซ์ที่จะช่วยให้ลูกค้าที่อยากเป็นเจ้าของรถซานี่ได้ง่ายขึ้น และจะมีการบริหารจัดการแผนกรถมือสอง ที่จะเริ่มจริงจังในปีหน้า เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ของซานี่ โดยบริษัทฯประเมินว่าจะมีรถเข้ามาเทรดอินในปีหน้าประมาณ 10 – 20 คัน

ขณะที่แผนงานด้านบริการหลังการขาย ปัจจุบันบริษัทฯมีโชว์รูมและศูนย์บริการจำนวน 5 แห่งได้แก่ กรุงเทพฯ,ขอนแก่น,พิษณุโลก,ปราจีนบุรี,สุราษฏร์ธานี ส่วนทีมโมบายเซอร์วิส 25 ทีม และในปีหน้าจะเพิ่มอีก 10 ทีม

“สินค้าของเรามีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ล้านบาท ไปจนถึง 16 ล้านบาท ส่วนกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มองค์กร ,ฟลีต คิดเป็นสัดส่วน 90 % และลูกค้าทั่วไป 10 % ซึ่งในอนาคตหลังจากเรามีการเปิดลีสซิ่งของตัวเอง ก็จะทำให้มีลูกค้าทั่วไปเข้ามาซื้อรถมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นเราจะให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย โดยจะมีการรับประกันสินค้า 3 ปี 7,000 ชั่วโมงใน 10 ชิ้นส่วนหลัก และหากต้องซ่อมนานเกิน 7 วันก็จะมีการนำรถทดแทนมาให้ลูกค้าได้ใช้”

นายยศวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังมีแผนงานที่จะสร้างศูนย์ซ่อมเครื่องยนต์ครบวงจร 2 แห่งได้แก่ที่สำนักงานใหญ่ ดอนเมือง และที่ชลบุรี บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ และจะลงทุนรวมทั้งสิ้นกว่า 40 – 50 ล้านบาท รองรับรถทุกยี่ห้อ ทั้งรถขุด ,รถแบคโฮ ,รถหัวลาก –บรรทุก และมีจำนวนซ่อมซ่อม 10 ช่องไว้บริการ

“จากแนวทางการตลาดที่เราวางไว้ ทำให้คาดว่าจะมียอดขาย 500 คันภายใน 3 ปี หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามียอดขายแล้วกว่า 230 คัน ซึ่งเกินเป้าหมายที่ได้วางไว้ตอนแรกที่ 180 คัน โดยยอดขายดังกล่าวถือว่าเติบโตเมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ขายได้ 120 คัน”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,222 วันที่ 29 - 31 ธันวาคม 2559