สหภาพ กสทโวยเครือทรูแหกกฎ ติดตั้งอุปกรณ์โทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต

29 ธ.ค. 2559 | 04:00 น.
สร.กสท ส่งหนังสือถึงประธานบอร์ดตรวจสอบพิจารณาดำเนินการอย่างเร่งด่วน เผยหากเจรจาไม่แล้วเสร็จจะทำให้ “กสท” ประสบปัญหาขาดทุนเป็นครั้งแรก เนื่องจากตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญไว้แล้ว 1.3 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งคำถามเป็นหน่วยงานรัฐที่นำส่งรายได้คืนเข้ากระทรวงการคลังสูงถึง 4,500 ล้านบาท แต่ถูกจัดให้อยู่ในแผนฟื้นฟู

นายสังวรณ์ พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ สร.กสท เปิดเผยว่า ขณะนี้ สร.กสท ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ทวีป เนตรนิยม ประธานคณะกรรมการ ของ กสท ให้ดำเนินการพิจารณาเร่งรัด และ ดำเนินคดีกับผู้ที่นำอุปกรณ์โทรคมนาคมไปติดตั้งในพื้นที่ และ สิทธิการเช่าใช้ของ กสท โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือความยินยอม จาก กสท ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการเอง หรือ มอบหมายให้ผู้อื่นหรือนิติบุคคลอื่นดำเนินการ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น บริษัทนำอุปกรณ์โทรคมนาคม ไปติดที่เสาของ กสท มากกว่า 20 ต้นและติดที่เสาของ บริษัท บีเอฟเคทีฯ ที่บริษัทได้สิทธิตามสัญญาเช่ามากกว่า 4,700 ต้น

“ปรากฏว่าตอนนี้มีบริษัทในกลุ่มทรู เข้ามาดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์โทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากขณะนี้กลุ่มทรู พยายามเร่งติดตั้งเครือข่าย 900 เมกะเฮิรตซ์ให้ครอบคลุมพื้นที่บริการมากที่สุดเพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 4 จี แม้ตอนนี้มีการเจรจาระหว่างกันแต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าดังนั้น สร.กสท จึงได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมการบริหารให้ตรวจสอบ เพราะขณะนี้กระบวนการทางบัญชีได้บันทึกรายได้เพื่อสำรองหนี้สูญไปแล้วจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท หากไม่สามารถเจรจาร่วมกันได้จะทำให้ กสท ประสบปัญหาการขาดทุนเป็นครั้งแรก” นายสังวรณ์ กล่าว

นายสังวรณ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า สร.กสท เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวของบริษัทเป็นการบุกรุกเพื่อถือการครอบครองทรัพย์สินนั้นทั้งหมดหรือแค่บางส่วน หรือ เข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองสิทธิของบริษัท จนเวลาได้ล่วงเลยมาพอสมควร แต่บริษัทดังกล่าวยังมิได้แสดงความรับผิดชอบอย่างใด ในการเจรจาเพื่อหาแนวทาง อันเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่เป็นหน่วยงานของรัฐและอาจส่งผลทำให้บริษัทประสบปัญหาภาวะขาดทุนในปี 2559 ภายใต้การบริหารจัดการในยุคนี้

อย่างไรก็ตาม สร.กสท จัดตั้งตาม พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการและให้ความร่วมมือเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และ รักษาผลประโยชน์ขององค์กร จึงขอให้คณะกรรมการบริษัทมีนโยบายเร่งรัดให้ดำเนินคดี ทั้งทางแพ่งและอาญากับกรรมการผู้แทนบริษัทดังกล่าว โดยเร่งด่วนอันเป็นการดำเนินการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ตามภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ตามกฎหมาย ข้อบังคับโดยมิได้ละเว้นละเลยเพิกเฉยในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทตามกฎหมาย

นอกจากนี้แล้ว กสทเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่นำรายได้ส่งคืนเข้ากระทรวงการคลังสูงที่สุดในกลุ่มสื่อสารแต่จัดให้อยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวม 152,581.44 ล้านบาทมีหนี้สินจำนวนทั้งสิ้น 118,309.15 ล้านบาท,ส่วนของทุน 34,272.29 ล้านบาท รายได้อยู่ที่ 54,915.66 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 3,124.20 ล้านบาท และ รายได้นำส่งรัฐอยู่ที่ 4,599.15 ล้านบาท ขณะที่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 23,854.45 ล้านบาท หนี้สินรวมอยู่ที่ 8,948.03 ล้านบาทส่วนของทุนอยู่ที่ 14,906.41 ล้านบาท รายได้อยู่ที่ 23,019.96 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,446.98 ล้านบาท และ รายได้นำส่งเข้ารัฐอยู่ที่ 544.47 ล้านบาท และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สินทรัพย์อยู่ที่ 164,361.59 ล้านบาท หนี้สินรวมอยู่ที่ 56.228.21 ล้านบาท ส่วนของทุนอยู่ที่ 108,073.38 ล้านบาท รายได้อยู่ที่ 47,847.71 ล้านบาท ขาดทุน 5,885 ล้านบาท รายได้นำส่งรัฐอยู่ที่ 372 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,222 วันที่ 29 - 31 ธันวาคม 2559