ไอทีเด่นในรอบปี 2559

28 ธ.ค. 2559 | 04:30 น.
ตลอดปี 2559 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เกิดปรากฏการณ์ในอุตสาหกรรมหลาย เรื่องด้วยกัน

โดย “ฐานเศรษฐกิจ”เซ็กชัน ไอทีดอตคอม ได้จัดอันดับข่าวเด่นด้วยกันจำนวน 5 เรื่อง

 มหากาพย์คลื่น 900

ปลายปี 2558 คาบเกี่ยวมาถึงเดือนพฤษภาคม 2559 เรื่องเด่นที่สุดในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ และต้องจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์นั้นก็คือ มหากาพย์ประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์

เหตุผลที่ “ฐานเศรษฐกิจ” เลือกเป็นข่าวเด่นแห่งปีเนื่องจากกสทช. กำหนดเริ่มต้นประมูลเมื่อเวลา 09.00น. ของวันที่ 15 ธันวาคม 2558 และ สิ้นสุด เวลา 00.15 น. ของวันที่ 19 ธันวาคม 2559 ใช้เวลาประมูล 4 คืน 5 วันมีผู้ประมูลจำนวนทั้งสิ้น 3 ราย คือ บริษัท แอดวานซ์ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN บริษัทในเครือ เอไอเอส,บริษัท ทรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด หรือ แจสโมบาย เรียกได้ว่าการประมูลครั้งนี้แข่งกันแบบไม่มีใครยอมใคร สุดท้าย เอดับบลิวเอ็น ตัดสินใจเลิกเคาะประมูลเป็นรายแรก

ส่งผลให้มีผู้ชนะประมูลด้วยกัน 2 ราย คือ แจสโมบายมูลค่าคลื่นความถี่ราคาสุดท้ายอยู่ที่ 75,654 ล้านบาท และ บริษัท ทรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ราคาสุดท้ายอยู่ที่ 76,298 ล้านบาท

MP24-3222-D เรื่องนี้คิดว่าจะจบลงด้วยผู้ชนะทั้ง 2 ราย และน่าจะมีผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นในตลาดมือถือ แต่สุดท้าย แจสโมบาย ไม่สามารถนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินในวงเงิน 7.2 หมื่นล้านบาทมาให้กับ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ได้ตามกำหนดในวันที่ 21 มีนาคม 2559

แจสโมบาย ได้อ้างเหตุผลว่าผู้ประกอบการรายใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศจีนสนใจร่วมลงทุนและได้ธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ในประเทศจีนเตรียมให้เงินสนับสนุนแต่ติดข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาในการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศจีนซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมา ต้องทิ้งใบอนุญาตและถูกริบเงินประมูลจำนวน 644 ล้านบาท

นั้นจึงเป็นที่มาที่ กสทช. ต้องเปิดประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์อีกรอบ 1 ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2559 ปรากฏว่า เอดับบลิวเอ็น ของ เอไอเอส เป็นผู้ชนะประมูลเนื่องจากไม่มีคู่แข่งแต่อย่างใด โดย เอดับบลิวเอ็น ได้คลื่นความถี่ของ แจส ด้วยราคาสุดท้าย 75,654 ล้านบาท

ปิดฉากมหากาพย์ประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ไปด้วยดี

พ.ร.บ.ดีอีคลอด รับไทยแลนด์ 4.0

ส่วนอันดับที่ 2 คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที หลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ผ่านพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2559 มีผลบังคับใช้ยุบกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (หรือกระทรวงไอซีที) และจัดตั้งกระทรวงใหม่คือ "กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม" (หรือกระทรวงดีอี)

นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบางส่วน เช่น ให้สํานักส่งเสริมและพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (EGA) แต่เดิมที่ขึ้นกับสำนักงานปลัดกระทรวงไอซีที ไปขึ้นตรงกับสํานักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อันเป็นหน่วยงานใหม่ของกระทรวงดีอีด้วย

นอกจากนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.ผ่านวาระ 3 เรื่องร่างพระราชบัญญัติดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.... คือ พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ตั้งคณะกรรมการ เพื่อจัดนโยบายแผนระดับชาติ รวมทั้งออกระเบียบและประกาศ ซึ่งคณะรัฐมนตรีสามารถแต่งตั้งได้ทันทีที่ร่างพ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ รวมทั้งมีการจัดตั้งกองทุนโดยได้รับการจัดสรรทุนจากกสทช.เริ่มแรกในอัตรา15% ของรายได้จากการจัดสรรคลื่นความถี่
MP24-3222-E
 รุมต้าน พ.ร.บ.คอมพ์

ร้อนแรงในโลกไซเบอร์กันเลยทีเดียว เมื่อ สนช. ผ่านวาระ 3 เรื่องร่างพระราชบัญญัติกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับที่...พ.ศ. ...เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา

หากแต่ในโลกไซเบอร์เกิดแรงกระเพื่อมจากเครือข่ายพลเมืองเน็ตโดยขอคนลงชื่อคัดค้าน ผ่านบนเว็บไซต์ change.orgและ นำรายชื่อไปให้กับ สนช. ปรากฏว่ามีผู้ลงทะเบียนต่อต้านถึง 3.6 แสนราย

เหตุผลของการคัดค้านครั้งนี้ไม่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.บ.คอมพ์เพราะเห็นว่าเป็นการละเมิด และ ลิดรอนสิทธิ์ ส่วนบุคคล แม้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะนายพิเชฐ ดรุงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ออกมายืนยันว่าไม่มีเรื่องซิงเกิล เกตเวย์ บรรจุเอาไว้ใน พ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่ก็ตาม

แต่ทว่าหลัง พ.ร.บ.คอมพ์ ผ่านการพิจารณา กระแสร้อนแรงเกิดขึ้น เมื่อบรรดาเหล่านักรบไซเบอร์ทั้งหลายออกมาท้าทายอำนาจรัฐ ประกาศจะปิดเว็บไซต์ของรัฐบาล ซึ่งเว็บไซต์รัฐบาลไทย(www.thaigov.go.th) และเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี (www.opm.go.th) ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกโจมตีจากกลุ่มต่อต้าน รวมไปถึงเว็บไซต์ระบบบริหารการคลังภาครัฐ และเว็บไซต์ระบบการจัดซื้อ จัดจ้างภาครัฐ

ไม่เพียงเท่านี้เหล่าบรรดากลุ่มแฮกเกอร์ยังออกมาประกาศว่าจะโจมตีระบบการบริหารการคลังภาครัฐ(หมายถึงระบบการเบิกจ่ายเงินทั้งหมด) ทั้งประเทศทำงานไม่ได้ และรวมถึงการยื่นซอง ประกวดราคาทั่วประเทศ ทุกหน่วยงานทั่วประเทศ ทำงานไม่ได้ นี่คือการส่งสัญญาณ เพียงครั้งแรกแบบแรงๆ ว่านี่คือยกระดับครั้งแรก

พร้อมกับท้าทายด้วยว่า ถ้าพวกเราทำแค่ 1 สัปดาห์ ระบบการบริหารภาครัฐ จะจอดสนิท และถ้าทำต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ เงินเดือนข้าราชการจะไม่ออก ไม่สามารถเบิกจ่ายได้เลย พวกเราอยากจะรู้ว่า รัฐบาลนี้จะอยู่ได้อย่างไรรีบดำเนินการอย่างที่พวกเราร้องขอซะ ก่อนที่รัฐบาลนี้จะอยู่ไม่ได้ไปด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ แฮกเกอร์ ยังออกมาประกาศผ่าน เพจ "พลเมืองต่อต้าน Single Gateway “เตรียมเปิดซีรีส์บ้านลุงตู่” ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ คสช. ออกมาประกาศว่า “ต้องหามาตรการจำกัดขยะโซเชียล”

MP24-3222-B  ซีพีร่วมทุนอาลีบาบา ลุยอี-เพย์เมนต์

เป็นข่าวฮือฮากันเลยทีเดียวเมื่อเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเพื่อไปยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน จับมือกับ นายแจ็ค หม่า ประธานอาลีบาบากรุ๊ป เพื่อร่วมกันเป็นสักขีพยานการลงทุนระหว่างบริษัท แอนท์ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ปฯ หนึ่งในผู้นำการให้บริการทางการเงินดิจิตอลระดับโลก ในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป กับบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ฯ กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการธุรกิจดิจิตอลในประเทศไทย และอาเซียน ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยแอนท์ลงทุนในแอสเซนด์20% และจะเพิ่มทุนในอีก10% ใน 2 ปีข้างหน้าตั้งเป้าผู้ใช้ 100 ล้านรายภายในปี 2563

 กสทช.ประมูลเบอร์สวย ได้เงินเข้ารัฐ 57 ล้านบาท

นอกเหนือประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ กสทช. ได้จัดประมูลเบอร์สวยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยเลขหมายแพลทินัม 9 ตัวเหมือน ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท และ เลขหมายโกลด์ 8 ตัวเหมือนราคาเริ่มต้น 6 ล้านบาท

ปรากฏว่าเลขหมายแพลทินัมไม่มีใครสนใจร่วมประมูล ขณะที่เลขหมายกลุ่มโกลด์ MP24-3222-C ประมูลได้ 9 เลขหมาย คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 57,968,888 ล้านบาท พร้อมนำส่งเข้ารัฐเป็นรายได้แผ่นดินหลังหักค่าใช้จ่าย

และทั้งหมดคือ 5 ข่าวเด่น ไอที ในรอบปี 2559

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,222 วันที่ 29 - 31 ธันวาคม 2559