ควอลิตีทัวริซึมโรดโชว์ ‘ททท’.เดินเกมป้องรายได้ 4 แสนล้าน

26 ธ.ค. 2559 | 06:00 น.
ตลาดนักท่องเที่ยวจีนกลายเป็นพระเอกสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยและเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ปี 2558 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยสูงเป็นอันดับหนึ่งหรือมีจำนวน 7.9 ล้านคน การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจัง ของรัฐบาลได้ส่งผลให้ตลาดทัวร์จีนถึงกับ "ช็อก" ไปชั่วขณะ แต่หลายฝ่ายต่างมีความเห็นสอดคล้องกันว่ากระทบแค่ชั่วคราว และเป็นการปรับเปลี่ยนโมเดลทางการตลาดไปสู่ตลาดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

 คาดสิ้นปีนี้ตลาดจีนโต 9.76%

เรื่องนี้นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่าการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจีนปีนี้ ช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 มีการเติบโตที่ดี แต่หลังการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญหรือทัวร์ผิดกฎหมายยอมรับตลาดมีการปรับตัวลดลงนับจากเดือนตุลาคม 2559 โดยนักท่องเที่ยวจีนลดลง 16% เดือนพฤศจิกายนลดลง 30% แต่สถานการณ์เริ่มปรับตัวดีขึ้น จากสถิติในเดือนธันวาคมที่ลดลง 10% โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-14 ธันวาคม 2559 พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยแล้ว 8.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.2%

"ททท.คาดว่าตลอดปีนี้จะมีจำนวนที่ 8.76ล้านคน เพิ่มขึ้น 9.76% สร้างรายได้ 4.41 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.64% ผลกระทบที่เกิดขึ้นมองว่าแค่ระยะสั้น เพราะจากนโยบายของรัฐบาลที่บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งแก้ปัญหาทัวร์ราคาต่ำกว่าทุนอย่างจริงจังและครบวงจร ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างมีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพอย่างยั่งยืน นับตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม2559 เป็นต้นมา" ผู้ว่าการ ททท.กล่าว

 คุมเข้มบริษัทนำเที่ยว 7 มาตรการ

อย่างไรก็ดีรัฐบาลยังมีแนวทางในการส่งเสริมตลาดทัวร์จีนคุณภาพอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบในรูปแบบต่างๆ ทั้งนโยบาย และโรดโชว์ ส่งเสริมการทำการตลาดระหว่าง 2 ประเทศ และผลักดันโดยผู้นำประเทศระดับรองนายกรัฐมนตรีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นหลังจากการปราบปรามทัวร์จีนอย่างจริงจังที่ผ่านมา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร จะเป็นผู้นำทัพเดินทางไปเยือนจีนหลายครั้งเพื่อทำความเข้าใจระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล และจัดการพบปะทำการตลาดร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการนำเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำในการผลักดันให้บริษัทนำเที่ยวต้องดำเนินการตามข้อตกลง 7 ประการที่ตกลงกันไว้และมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิดว่ามีการดำเนินการตามข้อตกลงหรือไม่ ซึ่งประกอบด้วย 1. กำหนดอัตราค่าบริการนำเที่ยว ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวจัดบริการนำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยไม่ได้รับค่าบริการหรือรับค่าบริการในอัตราที่เห็นได้ว่าไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ทั้งนี้อัตราค่าบริการต้องไม่ต่ำกว่า 200 หยวน/คน/คืน (1,000 บาท/คน/คืน) ตามประกาศคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เรื่องหลักเกณฑ์ การกำหนดอัตราค่าบริการนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศ (เฉพาะตลาดจีน) ปี 2559 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2559

2. ห้ามเก็บค่า Optional Tour ล่วงหน้าในประเทศจีน และการขาย Optional Tour ในประเทศไทยต้องไม่เกิน 600 หยวน (3,000 บาท) ต่อคนต่อทริป 3. มีการควบคุมคุณภาพสินค้าและราคาเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของนักท่องเที่ยว 4. คือการเสนอขายแพ็กเกจคุณภาพสำหรับตลาดจีนแบ่งออกเป็น 3 ระดับได้แก่Silver, Gold และ Platinum ให้เป็นไปตามกลไกตลาดและสภาพการแข่งขัน 5.บริษัทนำเที่ยวต้องใช้มัคคุเทศก์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย 6. คือการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นเพื่อความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน และสุดท้าย 7.คือทุกคนต้องมีวัฒนธรรมทางการค้า (จรรยาบรรณในการทำธุรกิจ)

  โรดโชว์โปรโมตตลาดทัวร์คุณภาพ

อีกทั้งหลังจากมีมาตรการที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาทัวร์ราคาต่ำกว่าทุน ในส่วนของททท.ได้เร่งเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพในเชิงรุกต่อเนื่องและควบคู่กันไป

โดยเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ ที่เริ่มตั้งแต่ ปักกิ่ง เมื่อกลางเดือนตุลาคม นอกจากนั้นในช่วงที่ผ่านมาททท. ได้จัด Product Manager Business Trip โดยเชิญ โปรดักต์แมเนเจอร์และผู้แทนบริษัทนำเที่ยวจากประเทศจีนเดินทางมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยว และบริการที่มีคุณภาพในพื้นที่ต่าง ๆ ของไทย เพื่อจะนำไปเสนอขาย ซึ่งมีผู้บริหารจากบริษัทต่าง ๆ จากจีนร่วมเดินทางร่วมงานประมาณ 105 คนมีการสำรวจ เส้นทาง ระยอง-พัทยา-กรุงเทพฯ และเส้นทางสุราษฎร์ธานี-สมุย-กรุงเทพฯ

การลงนามร่วมกับ Alitrip บริษัท Online Travel Agency ยักษ์ใหญ่ของจีนเพื่อร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันอีกด้วย

 รองนายกฯ บุก “กวางโจว”

ขณะเดียวกันททท.ยังจะเน้นการจัดงานควอลิตีทัวริซึม โรดโชว์ ในเมืองสำคัญๆของจีน เพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ อาทิ การจัดโรดโชว์ ที่เมืองเฉินตู เมืองฉงชิ่ง และล่าสุด คือ เมืองกวางโจว เนื่องจากเมืองแห่งนี้มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ในจีนรองจากเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการค้าที่ใหญ่ที่สุดในจีนตอนใต้ เป็น "ประตูการค้า" และศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญของจีนตอนใต้ มีสนามบินนานาชาติไป๋หยุนที่มีปริมาณผู้โดยสารใช้บริการมากติด 1 ใน 3 ของสนามบินรองจากปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ และยังเป็นเมืองพี่เมืองน้องกับกรุงเทพฯ ด้วย

ต่อเรื่องนี้พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการจัดงานไทยแลนด์ ควอลิตี้โรดโชว์ ที่เมืองกวางโจว ในวันที่ 21 ธันวาคม 2559 มีผู้ประกอบการจำนวนกว่า 80 ราย จาก 40หน่วยงานร่วมงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าไทยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพ ให้เกิดความยั่งยืน และจะเดินหน้าส่งเสริมการตลาดร่วมกับบริษัทนำเที่ยวจีนอย่างเต็มที่ และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการทางท่องเที่ยวในช่วงตรุษจีนนี้รัฐบาลไทย ได้มีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า สำหรับผู้ที่ยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตไทยและสถานกงสุลไทยในประเทศจีน ทั้ง 9 แห่ง รวมทั้งลดค่าธรรมเนียม Visa On Arrival จาก 2,000 บาท ลงเหลือ 1,000 บาทต่อคน เป็นระยะเวลา3 เดือน มีผลปรับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม - 28 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งก็เชื่อว่าจะส่งเสริมให้คนจีนเดินทางมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น

นี่คือแนวทางในการส่งเสริมตลาดคุณภาพจีนที่เกิดขึ้นจะได้ผลแค่ไหนต้องลุ้นกันต่อ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,221 วันที่ 25-28 ธันวาคม 2559