ปลุกผี67อาคารร้างทั่วกรุง โยธาฯไฟเขียวต่อใบอนุญาตเปิดทางนายทุนช็อปราคาถูก

23 ธ.ค. 2559 | 07:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

กทม. ชงโยธาฯ ปล่อยผีตึกร้างสูง-ใหญ่ทั่วกรุง 67 อาคารเดินหน้าสร้างต่อโดยผ่อนผันใช้ใบอนุญาตเดิมภายใน7ปี หลังกฎกระทรวงผ่อนผันหมดอายุปี 2557 สถาปนิกดัง" รังสรรค์ ต่อสุวรรณ" เจ้าของสาทรยูนิคทาวน์เวอร์ ชี้เปิดทางนายทุน-สถาบันการเงินช้อปไปพัฒนาต่อ

นายนพดล ฉายปัญญา ผู้อำนวยการกองควบคุมอาคาร กรุงเทพมหานครเปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เมื่อไม่นานมานี้ได้มีหนังสือถึงกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ขยายอายุกฎกระทรวงมหาดไทยกำหนดหลักเกณฑ์การออกใบอานุญาติก่อสร้างอาคารหรือดัดแปลงอาคารสำหรับอาคารที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ พ.ศ.2552 ผ่อนผันเป็นเวลา 5 ปีและอายุลงเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 ให้สามารถบังคับใช้ต่อไปอีก 7 ปีนับจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือ ออกเป็นกฎกระทรวงใหม่ บังคับใช้ต่อไป

  ชงต่อใบอนุญาต

ทั้งนี้เพื่อผ่อนผันให้อาคารร้างที่มีอยู่ขณะนี้ ที่สำรวจพบ 32โครงการ 67 อาคาร เฉลี่ยอาคารละ 200 หน่วย สามารถก่อสร้างต่อได้โดยใช้ใบอนุญาตเดิมเพื่อช่วยเจ้าของอาคาร สถาบันการเงิน ให้อาคารร้างก่อสร้างต่อจนเสร็จและแก้ปัญหาแหล่งมั่วสุมวิธีการ คือ เจ้าของอาคารสามารถยื่นสิทธิ์ใช้ใบอนุญาตเก่าและแบบก่อสร้างเดิม ในระยะเวลาที่กำหนด เช่นที่ผ่านมาเคยขออนุญาต 15 ชั้น สร้างเป็นคอนโดมิเนียม ค้างไว้ 4 ชั้น ก็ผ่อนผันสร้างไม่เกิน 15 ชั้นให้จบ ซึ่งมั่นใจว่า กรมโยธาธิการฯ จะต่ออายุกฎกระทรวงดังกล่าว ที่ผ่านมาอาคารร้างที่เป็นอาคารสูงในช่วงวิกฤติปี 2540 มีจำนวนประมาณ 200 อาคาร แต่เมื่อออกกฎกระทรวงผ่อนผันไปรอบแรก ตั้งแต่ปี 2552-2557 ปัจจุบันเหลือเพียง 67 อาคารดังกล่าว

 ยูนิคทาวเวอร์ค้างแค่ระบบ

สำหรับอาคารก่อสร้างค้างในกทม.ในทำเลสำคัญ ๆ ได้แก่ อาคารยูนิคทาวน์เวอร์คอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านเจริญกรุง สูง 47 ชั้น ที่ ก่อสร้างเกือบแล้วเสร็จ เหลือเพียงติดตั้งระบบ หาก ก่อสร้างให้แล้วเสร็จก็จะต้องแจ้งกทม. เพื่อตรวจสอบอีกครั้งแต่ขณะนี้ ยัง อยู่ระหว่างหานักลงุทนใหม่ เพื่อซื้อกิจการ ส่วนอีกอาคารติดกันสูง 68 ชั้น ของแชลเลนท์กรุ๊ป ขณะนี้เปิดให้บริการแล้ว นอกจากนี้ยังมีอาคารย่านบางรัก สุขุมวิท ดินแดน รัชดาฯ เป็นต้น

นายสินิทธิ์ บุญสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมแบละตรวจสอบอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า ได้รับหนังสือขอต่ออายุกฎกระทรวง อาคารร้างแล้ว ซึ่งคาดว่าจะ เร่งดำเนินการต่อไป ปัญหาใหญ่อาคารที่ค้างประมาณกว่า 60 อาคาร ส่วนใหญ่ จะติดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ซึ่งจะอยู่ในสถาบันการเงิน และอาจมี นักลงทุน สนใจซื้อในราคาถูก

ขณะเดียวกันช่วงปี 2542 เป็นจังหวะของกฎกระทรวง ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร บังคับใช้ ซึ่งมีความเข้มข้น ห้ามสร้างอาคารสูงเกิน 23เมตรหรือเกิน8ชั้นในซอยที่มีความกว้างของถนนต่ำกว่า 10 เมตร กฎกระทรวงฉบับที่ 55 เว้นระยะถอนร่น รอบอาคาร ข้างละ 6เมตร รวมทั้งการติดตั้งระบบดับเพลิงสำหรับอาคารสูงใหญ่ เป็นต้น ขณะที่อาคารเก่า ที่ได้ใบอนุญาตมาก่อนหน้านี้ หากต่ออายุ ก็ ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ ที่สำคัญใบอนุญาตจะต่ออายุปีต่อปี เมื่อ ประสบปัญหาหยุดสร้างไม่ว่ากรณีใดๆ จึงไม่สามารถ ดำเนินการใด ๆ ได้ อย่างไรก็ดี หากทุกอย่างขับเคลื่อนได้ เอกชนและสถาบันการเงินเจรจาตกลงกันได้ ก็สามารถนำไปพัฒนาต่อ

[caption id="attachment_121018" align="aligncenter" width="401"] รังสรรค์ ต่อสุวรรณ รังสรรค์ ต่อสุวรรณ[/caption]

นายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกชื่อดังและประธานกรรมการ บริษัท สาทรยูนิคทาวน์เวอร์จำกัด กล่าวว่า เห็นด้วยกับกทม.ที่จะผลักดันให้ อาคารสร้างค้างเดินหน้าต่อได้ มองว่า ทั้งรัฐเอกชน สถาบันการเงิน ศาล น่าจะ ร่วมกันหาทางออกผ่อนผัน เชื่อว่าสามารถช่วยเอกชนปลดล็อกและก่อสร้างได้

สำหรับอาคารสาทรยูนิคทาวเวอร์ ก่อสร้างไปแล้ว 90% เมื่อปี 2540 เหลือเพียงติดตั้งระบบตกแต่งภายใน การยุติการก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหานายทุนซื้อโครงการทั้ง 600 หน่วย มูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งมีบริษัทต่างชาติให้ความสนใจ คือนักลงทุนจากจีนและฮ่องกง และหากสามารถ หานายทุนซื้อกิจการได้ ก็จะ นำเงินที่ได้ จ่ายคืนให้กับลูกบ้าน 600 ราย บริษัทสี่พระยาก่อสร้าง ผู้รับเหมา และ ธนาคาร เกียตินาคินที่ซื้อ หนี้ไปเพียง 74 ล้านบาท ช่วงที่โครงการถูกขายทอดตลาดในองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) และนำไปบอกขายต่อ 900 ล้านบาท ซึ่งบริษัทขอซื้อ 500 ล้านแต่ยังตกลงกันไม่ได้และเรื่องยังค้างอยู่ที่ศาล

นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านฉัตรเพชร ซึ่งมีปัญหาเช่นเดียวกับ โครงการสาทรยูนิคทาวน์เวอร์ ซึ่งก่อสร้างไปและต้องหยุดสร้างเพราะปัญหาฟองสบู่แตก และหยุดสร้างปี 2542 ตั้งอยู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ 95/1 เนื้อที่ 10ไร่ มีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียม 10 อาคาร แต่สร้างบางส่วนไปได้ 3 อาคาร ต้องยุติการก่อสร้างกลางคัน

นายพรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ กรรมการบริษัท สาทรยูนิคทาวน์เวอร์จำกัด เสริมว่า เดิมมี 2 อาคาร แต่ นาง ราศี บัวเลิศ อดีตนักธุรกิจชื่อดังได้ซื้อหุ้นไป อาคารสูง68ชั้น 1,700 หน่วย จำนวนนี้ด้านบนเป็นโรงแรม 500 ห้อง ซึ่งขณะนี้ติดอยู่ในสถาบันการเงิน และ ห้องชุดบางส่วน บริษัท ณุศาสิริ จำกัด(มหาชน) ได้ซื้อไปขายต่อ ไม่ต่ำกว่า 1-200 หน่วย

สอดรับกับนายธำรง ปัญญาสกุลวงค์ ประธานกรรมการบริษัทนิรันดร์กรุ๊ป และที่ปรึกษาสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า สนับสนุนที่กทม.และกรมโยธาฯจะ ผ่อนผันในข้อกฎหมาย เชื่อว่ามี นักลงทุนหลายรายสนใจซื้อใบอนุญาตต่อ และ อาคารร้างต่อ ทั้งจากเจ้าของเดิมและ สถาบันการเงิน ในราคาถูกซึ่งที่ผ่านมา บริษัทแอลพีเอ็น ดิเวล็อปเม้นต์จำกัด (มหาชน) เป็นต้น เคยซื้ออาคารร้างราคาถูกและนำมาสร้างต่อ ซึ่ง ค่อนข้างประสบความสำเร็จ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,220 วันที่ 22-24 ธันวาคม 2559