ค่าเอฟทีต้นปีหน้าจ่อขึ้น23สต. กกพ.ยันบริหารกระทบผู้บริโภคให้น้อยที่สุด

23 ธ.ค. 2559 | 05:00 น.
ลุ้นกกพ.ปรับค่าเอฟทีงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2560 กว่า 23 สตางค์ต่อหน่วย หลังกฟผ.ส่งสัญญาณล่วงหน้ามา 4 เดือน เหตุราคาค่าเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าพุ่ง ค่าเงินบาทอ่อน “วีระพล” ยันจะบริหารให้กระทบค่าครองชีพประชาชนให้น้อยที่สุด ดึงเงินค่าปรับโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา เข้ามาช่วยอุ้ม

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ กกพ.จะมีการพิจารณาการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ(เอฟที) งวดเดือนมกราคม-เมษายน 2560 ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ -33.29 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเป็นผลมาจากราคาค่าเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเตา และดีเซล โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย จากราคาที่ใช้คำนวณค่าเอฟทีในงวดปัจจุบัน 236.04 บาทต่อล้านบีทียู อีกทั้ง ราคาน้ำมันดิบที่ใช้คำนวณค่าเอฟทีได้รับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากงวดปัจจุบันใช้อ้างอิงที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นจากระดับ 35.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนค่าเอฟทีจะปรับในอัตราเท่าใด หรือติดลบลดลงนั้น ทางกกพ.จะพิจารณาให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หรือหากเป็นไปได้อาจจะตรึงค่าเอฟทีให้เท่ากับงวดปัจจุบัน เนื่องจากยังมีเงินคงค้างจากค่าปรับจากโครงการโรงไฟฟ้าหงสาลิกไนต์ สปป.ลาว ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ตามแผน มาชดเชยค่าเอฟทีได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าจะเพียงพอหรือไม่ ซึ่งจะต้องรอผลการประชุมออกมาว่าจะพิจารณาอย่างไร

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดเผยว่า ในการพิจารณาค่าเอฟทีในงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2560 นั้น มีความเป็นไปได้ที่ค่าเอฟทีจะปรับตัวสูงขึ้น หรือติดลบลดลงจากระดับ 33.29 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากยังมีค่าเอฟทีกว่า 10 สตางค์ต่อหน่วย ที่สะสมมาตั้งแต่งวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2559 ยังไม่สามารถเรียกเก็บได้ในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2559 ประกอบกับแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น บวกกับราคาค่าเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปีหน้า รวมทั้งการจ่ายเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นจากการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ที่จะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป รวมเป็นค่าเอฟทีไม่ต่ำกว่า 20 สตางค์ต่อหน่วย

ดังนั้นโอกาสที่จะตรึงค่าเอฟทีให้อยู่ระดับ -33.29 สตางค์ต่อหน่วย จึงเป็นเรื่องที่ยาก ประกอบกับในการพิจารณาค่าเอฟทีในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ก็ได้มีการส่งสัญญาณไปแล้วว่า ค่าเอฟทีงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2560 อาจจะปรับตัวติดลบน้อยลงอยู่ที่ระดับ 14 สตางค์ต่อหน่วย หรือค่าเอฟทีปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 23.13 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราที่สูงขึ้น จากปัจจุบันค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.422 บาทต่อหน่วย มาอยู่ที่ระดับ 3.65 บาทต่อหน่วยได้

“การประมาณการค่าเอฟทีงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2560 ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เคยเสนอมาจะปรับเพิ่มขึ้น 23.13 สตางค์ต่อหน่วย เป็นการคำนวณภายใต้สมมติฐานราคาเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทคงที่ในระดับเดียวกันกับที่ใช้ในการคำนวณค่าเอฟทีงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2559 แต่ขณะนี้พบว่าราคาค่าเชื้อเพลิง และค่าเงินบาทอ่อนตัวลงมาก ดังนั้น โอกาสที่จะตรึงค่าเอฟทีไว้ จึงเป็นเรื่องยาก แม้ว่าทางกกพ.จะหาวิธีพยุงค่าเอฟทีก็ตาม แต่สุดท้ายหนีไม่พ้น จะต้องปรับค่าเอฟทีขึ้นไป เพราะไม่เช่นนั้น จะส่งผลให้ค่าเอฟทีในงวดต่อๆไป ปรับตัวสูงขึ้นมาก”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,220 วันที่ 22-24 ธันวาคม 2559