การเติบโตของกลุ่มไมด้า หลายคนอาจจะรับรู้กันเป็นส่วนใหญ่ ถึงธุรกิจลิสซิ่ง ซึ่งทำรายได้หลักให้กับกลุ่มไมด้า มาช้านาน แต่ขณะเดียวกันการลงทุนโรงแรม ที่หลังจากไมด้า เข้ามาชิมรางในธุรกิจนี้มาพักใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็เห็นว่าไปได้ดี และมีแผนขยายการลงทุนโรงแรมใหม่ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อ่านได้จากสัมภาษณ์นายวิสูตร เอี้ยวศิริกูล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการบริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน)
ตั้งเป้าเจาะตลาด รร.ทุกเซ็กเมนต์
ปัจจุบันกลุ่มไมด้า มีธุรกิจโรงแรมที่เราลงทุนและเปิดให้บริการแล้ว 8 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ,หัวหิน ,กาญจนบุรี และนครปฐม (ตารางประกอบ) โดยโรงแรมล่าสุดที่เพิ่งเปิดให้บริการ คือ เรดิสัน บลู รีสอร์ท หัวหิน ขนาด 118 ห้อง ลงทุนราว 1,500 ล้านบาท ที่เพิ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ไม่เพียงเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวแห่งแรกของเราเท่านั้น ยังเป็นโรงแรมแรก ที่ทางกลุ่มไมด้า ตัดสินใจใช้เชนจากต่างประเทศเข้ามาบริหารให้
เนื่องจากเราต้องการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มตลาดจากต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงการเน้นกลุ่มตลาดระดับบนที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ของลูกค้าโรงแรมของเราและการที่เลือกใช้แบรนด์เรดิสัน บลู รีสอร์ท เรามองว่าในไทยยังมีแบรนด์นี้น้อย สามารถสร้างความแตกต่างจากโรงแรมอื่นได้ ประกอบกับแบรนด์นี้มีจุดแข็งในตลาดยุโรป ก็จะทำให้สามารถดึงนักท่องเที่ยวยุโรปมาใช้บริการได้
ทั้งการดึงเชนจากต่างประเทศเข้ามาบริหาร ยังทำให้เราได้เรียนรู้การบริหารของเชนต่างประเทศ เพื่อมาเปรียบเทียบกับการบริหารโรงแรมของเราเอง เนื่องจากทิศทางการดำเนินธุรกิจของไมด้า เราจะมองการขยายธุรกิจโรงแรมในไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเล็งเห็นว่าภาคการท่องเที่ยว จะเป็นจุดแข็งและเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพของประเทศ ประกอบกับหลังจากเราเริ่มกระจายความเสี่ยงมาดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แนวราบ และธุรกิจโรงแรม ก็พบว่าธุรกิจโรงแรมไปได้ดี และมีการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เราจึงมองโอกาสที่จะขยายการลงทุนโรงแรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันไมด้า ยังมีแผนจะรีแบรนด์ธุรกิจโรงแรมในมือ เพื่อรุกดำเนินธุรกิจโรงแรมให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์ โดยแบรนด์ Xen (เซ็น) จะเป็นพัฒนาให้เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวลงมา สู่บัดเจ็ด(ราคาประหยัด) ซึ่งได้เปิดบริการแห่งแรก คือ เซ็น โฮเทล นครปฐม ที่เรายังสามารถต่อยอดการลงทุนโรงแรมสเกลนี้ในที่อื่นด้วย ขณะที่แบรนด์ไมด้า จะเป็นระดับ 4 ดาว และมีแผนจะพัฒนาแบรนด์ระดับ 5 ดาว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนอยู่ การรีแบรนด์ที่เกิดขึ้นจะสอดคล้องกับทิศทางการลงทุนธุรกิจโรงแรมในระดับต่างๆของกลุ่มไมด้า ที่จะเกิดขึ้น
ทุ่ม 3 พันล.ผุด2โรงแรมใหม่
สำหรับแผนการลงทุนโรงแรมใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่ชัดเจนแล้ว ไมด้า มีแผนจะลงทุนสร้างเพิ่มอีก 2 แห่ง มูลค่าการลงทุนราว 3,000 ล้านบาท ได้แก่ โรงแรมที่จ.ระยอง บนพื้นที่ซึ่งมีอยู่แล้วราว 5 ไร่ ติดชายหาดส่วนตัว ขนาด128 ห้อง การลงทุนราว 1,000 ล้านบาทไม่รวมที่ดิน เพื่อพัฒนาให้เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีหน้า
อีกแห่งที่อยู่ในแผนลงทุน คือ โรงแรมขนาด 300 ห้อง ที่จังหวัดภูเก็ต เป็นโรงแรมอยู่บนเขา คาดว่าใช้งบลงทุนราว 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี2562 การลงทุนใหม่ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้ไมด้า มีโรงแรมในมือรวมเป็น 10 แห่ง ซึ่งการขยายโรงแรมใหม่จะเน้นไปที่โลเกชันทะเลมากกว่าทำเลอื่นๆ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะชอบทะเล
“รายได้ในแง่ธุรกิจโรงแรมของไมด้า มีการเติบโตเฉลี่ยราว 20% ซึ่งจะยังคงเติบโตต่อเนื่องในอีก 5 ปีนี้ เนื่องจากมีแผนเปิดให้บริการโรงแรมใหม่เกิดขึ้น ซึ่งรายได้ในธุรกิจโรงแรมของกลุ่มไมด้า ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 500 ล้านบาท แต่ในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ของเรดิสัน บลู รีสอร์ท หัวหินในปีหน้า ขณะที่อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในเครือ ก็ไปได้ดี โดยหากเป็นซิตี โฮเทล จะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 80% ส่วนที่พักในแบบรีสอร์ต จะอยู่ที่ราว 66% และราคาอัตราการเข้าพักเฉลี่ยก็มีแนวโน้มไปได้ดี”
การเติบโตของธุรกิจโรงแรม จะทำให้รายได้ของธุรกิจในกลุ่มไมด้า ขยายตัวต่อเนื่อง โดยโครงสร้างรายได้ของไมด้า โดยรวมเรามีรายได้ราว 4,600 ล้านบาทต่อปี รายได้หลักมาจากไมด้า ลสซิ่ง เพราะธุรกิจหลักคือการขายและให้บริการเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ ส่วนธุรกิจอสังหาฯ แนวราบ รายได้ราว 600 ล้านบาท และธุรกิจโรงแรม มีแนวโน้มการเติบโตของรายได้อยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท
วางแผนนำรร.เข้ากองรีท
อีกทั้งในช่วง 2-3 ปีจากนี้ ทางไมด้ายังมีแผนจะนำโรงแรมในมือ เข้ากองรีทส์ เพื่อระดมทุน สำหรับนำมาใช้ขยายการลงทุนธุรกิจโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งด้วยความที่ขนาดของโรงแรมต่างๆของไมด้า อยู่ที่ 100-300 ห้อง ทำให้ต้องรวมหลายโรงแรมเข้ากองรีทส์เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ โดยก่อนการระดมทุนประเมินสินทรัพย์ของเรา น่าจะอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาทได้
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ส.ป.ก.กาญจนบุรี ได้ติดประกาศแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน 1,000 กว่าไร่ ในส่วนของสนามกอล์ฟไมด้า ที่กาญจนบุรี โดยอาศัยมาตรา 44 เรื่องมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมโดยมิชอบกฎหมายนั้น ก็เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการชี้แจงและพิสูจน์ ซึ่งที่ดินดังกล่าวไมด้า กอล์ฟ ไม่เคยทราบว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินส.ป.ก. แต่มีเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยสำนักงานที่ดิน และเป็นที่ดินที่เราซื้อต่อมาอีกทอดหนึ่ง ไม่ได้เป็นผู้รวบรวมที่ดิน และมิได้เป็นผู้ขอออกเอกสารสิทธิ์น.ส.3 ,น.ส.3 ก แต่อย่างใด และการใช้มาตรา44 ที่จะมายึดที่ดินของสนามกอล์ฟ คงจะไม่สามารถทำได้ เพราะจริงๆพื้นที่ที่ไมด้า ถือจริงมีไม่ถึง 500 ไร่ เนื่องจากมีการสมาชิกสนามกอล์ฟพร้อมที่ดินบริเวณดังกล่าวให้แก่เมมเบอร์ไปแล้วจำนวนมาก ก่อนที่ไมด้า กอล์ฟ จะเข้าซื้อ
ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางการดำเนินธุรกิจของไมด้า ที่ปักธงขยายธุรกิจโรงแรมอย่างเต็มตัวมากขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,218 วันที่ 15-17 ธันวาคม 2559