‘แอคคอร์’ปูพรมเปิดโรงแรมใหม่18แห่ง

07 ธ.ค. 2559 | 07:00 น.
แอคคอร์ ตั้งเป้าดันราคาห้องพักเฉลี่ยโรงแรมในไทยเพิ่มไม่ต่ำกว่า 5% ปีหน้า โฟกัสกลยุทธเบอร์1ผู้นำธุรกิจ โดยตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าคนไทย 20% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ตั้งเป้าเปิดโรงแรมใหม่อีก 18 แห่งภายในปี 62 มั่นใจเที่ยวไทยยังโตตัวเลข 2 หลัก ลุ้นแตะ 50 ล้านคน

นายแพทริค บาสเซ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ประจำแอคคอร์โฮเทล ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจโรงแรมในเครือแอคคอร์ในไทยปี 2560 ตั้งเป้าอัตราราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 5 % ซึ่งปัจจุบันแอคคอร์มีโรงแรมในไทย 69 แห่ง 16,023 ห้อง ภายใต้ 9 แบรนด์โรงแรมใน 13 จังหวัด จากแบรนด์ในเครือที่มีทั้งหมด 21 แบรนด์ทั่วโลก

"กลยุทธในปี 2560 เรายังคงรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจการโรงแรมในประเทศ ด้วยการมองหาช่องโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อยากเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เข้าพักในโรงแรมมากขึ้น ให้มีสัดส่วน 20% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่ทำคือการเปิดโรงแรมในสถานที่ตั้งหลากหลายและในจังหวัดใหม่ๆ เช่น เชียงรายและสุราษฎร์ธานีที่ยังมีจำนวนโรงแรมเชนต่างประเทศอยู่ไม่มากนัก ส่วนเมืองหลักๆที่มีโรงแรมตั้งอยู่แล้ว ยังคงจะเพิ่มจำนวนต่อไปถ้ามีโอกาสทางธุรกิจและพยายามพัฒนาแบรนด์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ"

ดังนั้นแบรนด์ใหม่ที่จะพัฒนาจะเป็นแบรนด์เน้นไลฟ์สไตล์ บูติค มีความโดดเด่นที่การออกแบบตกแต่งและบริการที่ตอบรับความต้องการของคนยุคใหม่และยังวางโครงการ Residential Development เพื่อกลุ่มลูกค้าอยู่ระยะยาว(ลองสเตย์)โดยจะเป็นการแบ่งห้องพักจำนวนหนึ่งของโรงแรมเป็นที่อยู่อาศัยระยะยาว หรือถาวรโดยจะจัดให้มีทางเข้าส่วนตัว มีพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางเช่นสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายแยกจากกันกับโรงแรม แต่ผู้อาศัยระยะยาวจะได้รับความสะดวกสบายในการใช้ห้องอาหาร บาร์ หรือ Room service ของทางโรงแรมเป็นต้น

สำหรับแผนขยายโรงแรมในไทยวางไว้ว่าภายในปี 2562 จะมีเพิ่มอีก 18 แห่ง เป็นแบรนด์ไอบิส สไตล์ 9 แห่ง โนโวเทล 3 แห่ง เอ็มแกลอรี บาย โซฟิเทล 1 แห่ง โซฟิเทล 1 แห่ง เมอร์เคียว 3 แห่ง และ ไอบิส 1 แห่ง โดยจะสถานที่ตั้งของโรงแรมจะกระจายตามเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพ พัทยา ภูเก็ต เชียงราย สมุยและตัวเมืองสุราษฎร์ธานี

ส่วนแบรนด์ใหม่อย่างโจแอนด์โจว์ และ 25 เอาว์เวอร์ ได้แนะนำเจ้าของกิจการโรงแรม และพยายามหาโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทยอยู่ อย่างไรก็ตามการเปิดตัวของแบรนด์ทั้งสอง เป็นการตอกย้ำแผนของบริษัทที่จะเพิ่มจำนวนโรงแรมบูติคและเน้นการตกแต่งแบบเข้าสมัย ตรงตามความต้องการของคนยุคใหม่ ที่มองหาความเปลี่ยนแปลงและแปลกใหม่เสมอๆ

อีกทั้งแบรนด์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดในปีหน้า ซึ่งมองไว้ที่กรุงเทพฯ คือ มาม่าเชลเตอร์ ซึ่งเป็น
แบรนด์ระดับกลาง เน้นการออกแบบให้เหมือนบ้าน บริการอาหารสไตล์โฮมเมดทำสดจากเตาด้วยรสชาติที่คุ้นเคยเหมือนอาหารที่แม่เตรียมไว้ให้ กรุงเทพฯ และแบรนด์โนโวเทลสวีท ซึ่งเป็นเซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์

ส่วนแบรนด์ของ FRHI ขณะนี้ในไทยมีอยู่เพียงแบรนด์เดียว คือ สวิสโซเทล แต่ก็เห็นโอกาสอย่างมากที่จะนำ
แบรนด์อื่นๆ ของ FRHI เข้ามาร่วมเครือข่าย แต่การสร้างโรงแรมระดับหรูหราไม่สามารถตกลงกันได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นการพัฒนาแบรนด์ดังกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยส่วนตัวคิดว่า กรุงเทพฯน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดในการเปิดแบรนด์ดังกล่าว

ขณะที่ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปี 2559 ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย อัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายนที่ผ่านมาขยับสูงขึ้น 3 จุด (percentage point) โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต อัตราการเข้าพักเฉลี่ยขยับตัวสูงขึ้นถึง 12.7 จุด (percentage point) ด้านอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในเครือแอคคอร์โฮเทลทั่วประเทศไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 เพิ่มสูงขึ้น 6.16% ขณะที่รายได้รวมของโรงแรม เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของในปี 2558 จำนวน 8.12%

นายบาสเซ กล่าวต่อสำหรับทิศทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปีหน้า แอคคอร์ ยังคาดว่าจะดีขึ้นจากเดิม เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น 2 หลัก (double digit) ทุกปี โดยเชื่อว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้ามีความเป็นได้ที่ไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจะสูงถึง 50 ล้านคนจากปัจจัยบวกมาจากการขยายตัวและขยับตัวของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนที่เริ่มเดินทางภายในภูมิภาคมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,215 วันที่ 4 - 7 ธันวาคม 2559