โกโปรลดคน15%-ซีอีโอไขก๊อก หันเน้นธุรกิจหลักปิดธุรกิจรองหวังพลิกฟื้นกำไร

06 ธ.ค. 2559 | 03:00 น.
"โกโปร" ประกาศแผนปรับโครงสร้าง ลดจำนวนพนักงาน 15% พร้อมปิดธุรกิจผลิตคอนเทนต์ที่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหมาย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท โกโปร อิงค์ฯ ผู้ผลิตกล้องถ่ายรูปแอกชัน (action camera) ประกาศแผนการปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อเพิ่มกำไร ซึ่งประกอบด้วยการลดจำนวนพนักงานลง 200 จากประมาณ 1,700 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 15% ของพนักงานทั้งหมด ปิดรับพนักงานใหม่ และปิดธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ ขณะที่นายโทนี่ เบตส์ ประธานบริษัทโกโปร จะลาออกจากบริษัทในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ โกโปรกล่าวว่า แผนการปรับโครงสร้างจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ขณะที่การปรับโครงสร้างจะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายประมาณ 24-33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินชดเชย หุ้นที่จะให้กับพนักงาน และการควบรวมสำนักงาน โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 596 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โกโปรนับได้ว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีดาวเด่นของซิลิคอน วัลเล่ย์ ก่อนหน้าการเปิดขายหุ้นให้กับสาธารณะเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ในปี 2557 จากอานิสงส์ของผลิตภัณฑ์ที่แปลกแตกต่างในเวลานั้น อาทิ กล้องถ่ายรูปที่มีความทนทานและสามารถถ่ายทำภาพเคลื่อนไหวจากกิจกรรมกีฬาเอ็กซ์ตรีมได้

ไมเคิลแพชเตอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท เวดบุช ซีเคียวริตีส์ กล่าวว่า โกโปรเป็นผู้บุกเบิกตลาดกล้องแอกชันสำหรับจับภาพเคลื่อนไหวและกีฬาเอ็กซ์ตรีม อย่างไรก็ดี ธุรกิจและมูลค่าหุ้นของโกโปรสะดุดลงเมื่อมีคู่แข่งกระโดดเข้ามาแข่งขันมากขึ้น จนส่งผลให้ยอดขายชะลอตัว

หลังจากกล้องถ่ายรูปในสมาร์ทโฟนถูกพัฒนาให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น โกโปรพยายามหาช่องทางเพิ่มรายได้ ด้วยการตัดสินใจแตกไลน์ธุรกิจจากการเป็นเพียงบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ โดยหลังจากเปิดขายหุ้นไอพีโอได้ไม่นาน โกโปรแต่งตั้งเบตส์ ซึ่งเป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสไกป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเพื่อดูแลยุทธศาสตร์ด้านมีเดียของบริษัท โกโปรตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาฮับคอนเทนต์ที่ผลิตโดยอุปกรณ์ของตนเอง

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ในขณะที่การหวังสร้างรายได้จากโฆษณาผ่านวีดีโอกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่ผลิตโดยโกโปรดูเหมือนจะเป็นการต่อยอดธุรกิจที่สมเหตุผล แต่โกโปรประเมินความสนใจของผู้ชมที่มีต่อคอนเทนต์ที่ผลิตโดยมืออาชีพ เทียบกับคอนเทนต์ที่ผลิตโดยผู้ใช้งานผิดไป นักกีฬาเอ็กซ์ตรีมและสปอนเซอร์หลายรายมีการผลิตคอนเทนต์ในลักษณะเดียวกันนี้อยู่แล้ว และผู้คนคุ้นเคยกับการเสาะหาวีดีโอเหล่านี้รับชมตามยูทูบหรือเฟซบุ๊ก ซึ่งทำให้คอนเทนต์ที่โกโปรผลิตขึ้นไม่มีความแตกต่าง

การทุ่มทุนให้กับธุรกิจคอนเทนต์ส่งผลกระทบกับผลประกอบการของโกโปรอย่างต่อเนื่อง บริษัทรายงานผลประกอบการขาดทุนมาตลอดช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน โกโปรกล่าวว่า รายได้ของบริษัทในไตรมาส 3 ลดลง 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดหมายว่าจะยังคงขาดทุนต่อเนื่องไปจนถึงปี 2560

นักวิเคราะห์เชื่อว่า โกโปรจะเป็นบริษัทที่มีกำไรถ้าเน้นไปที่ธุรกิจหลัก คือกล้องถ่ายรูปแอกชัน นิควู้ดแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโกโปร กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์โกโปรยังมีความเข็มแข็ง และบริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักของบริษัทเป็นหลัก

MP23-3215-B โกโปรหวังว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยฟื้นฟูยอดขาย โดยนอกเหนือจากกล้องโกโปรรุ่นใหม่ 2 รุ่นแล้ว บริษัทยังเปิดตัวโดรนรุ่นแรกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งโดรนรุ่นดังกล่าวสามารถติดตั้งกล้องโกโปรและถ่ายภาพเคลื่อนไหวจากบนอากาศได้ อย่างไรก็ดี การเปิดจำหน่ายโดรนของโกโปรไม่ราบรื่น เมื่อมีรายงานว่าโดรนบางตัวดับระหว่างการทำงาน ทำให้บริษัทต้องประกาศเรียกคืนโดรน 2,500 ตัวในเดือนพฤศจิกายน

ขณะเดียวกัน โกโปรกล่าวว่ามีความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทสูงในช่วงฤดูกาลซื้อของขวัญช่วงปลายปีในสหรัฐฯ โดยยอดขายระหว่างวันขอบคุณพระเจ้าถึงวันไซเบอร์มันเดย์ตามร้านค้าปลีกต่างๆ เพิ่มขึ้นกว่า 35% จากปีก่อน ส่วนยอดขายผ่านเว็บไซต์ โกโปร ดอต คอม เพิ่มขึ้น 33%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,215 วันที่ 4 - 7 ธันวาคม 2559